บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
Pattanakit Accounting Tax & Training Co., Ltd.
59/275 ซอยสุวินทวงศ์ 44 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
โทรศัพท์ 094-6574441 , 099-4567715 , 092-4634120, 061-0382531
Website :https://www.pattanakit.net / Email : infoservice2126@gmail.com

การจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างเมื่อนายจ้างต้องย้ายสถานประกอบการ
การจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างเมื่อนายจ้างต้องย้ายสถานประกอบการ
เมื่อกิจการของผู้ประกอบการมีการขยายตัวทางธุรกิจ อาจจำเป็นต้องย้ายสถานประกอบการเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินกิจการ หรือในกรณีที่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อจะได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุน หรือได้รับการยกเว้นภาษี เช่นนี้นายจ้างอาจต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างไม่ประสงค์จะย้ายตามไปด้วย การย้ายสถานที่ประกอบกิจการนั้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มีข้อกำหนดตามกฎหมายที่เป็นแนวทางคือ กรณีที่นายจ้างย้ายสถานประกอบการไปตั้ง ณ สถานที่อื่น อันมีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวันก่อนวันย้ายสถานประกอบการ ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วย ให้ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้โดยลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย เมื่อพิจารณาจากข้อกำหนดของกฎหมายดังกล่าวที่นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยกรณีนายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการต้องเข้าหลักเกณฑ์ 2 ประการคือ 1. นายจ้างต้องย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้ง ณ สถานที่อื่น คือนายจ้างต้องปิดสถานประกอบการเดิมและไปเปิด ณ สถานที่ใหม่ เช่น บริษัทมีสำนักงานอยู่ที่กรุงเทพเพียงแห่งเดียว ต่อมาได้ปิดกิจการและย้ายสถานประกอบการไปอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น แต่ถ้าในกรณีที่นายจ้างย้ายลูกจ้างไปทำงานที่สำนักงานสาขา ซึ่งสถานประกอบการเดิมก็ยังดำเนินกิจการอยู่ โดยอาจเป็นการย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น หรืออำเภออื่นในกรณีเช่นนี้ก็มิใช่การที่นายจ้างย้ายสถานประกอบการที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้าง 2. การย้ายสถานประกอบการทำให้กระทบต่อวิถีชีวิตตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว คือ การย้ายสถานที่ประกอบการนั้นต้องทำให้ลูกจ้างมีความลำบากในการมาทำงาน รวมถึงกระทบต่อครอบครัวของลูกจ้าง เช่น นายจ้างย้ายสถานประกอบการจากจังหวัดกรุงเทพฯ ไปที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ลูกจ้างมีบิดามารดาอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำให้ไม่สามารถดูแลบิดามารดาได้ เช่นนี้จึงเป็นการกระทบต่อวิถีชีวิตของลูกจ้าง เมื่อนายจ้างย้ายสถานประกอบการและกระทบต่อวิถีชีวิตของลูกจ้างแล้ว ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้หากลูกจ้างไม่ประสงค์จะทำงานให้แก่นายจ้าง ณ สถานประกอบการแห่งใหม่ เมื่อลูกจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างแล้ว ลูกจ้างก็ยังมีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบของเงินชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกฏหมาย ซึ่งหากนายจ้างเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่มีความผิดนายจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฏหมายเต็มจำนวน การบอกเลิกสัญญาจ้างนี้ลูกจ้างต้องใช้สิทธิภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการหรือนับแต่วันที่คำวินิจฉัยของคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานหรือคำพิพากษาของศาลเป็นที่สุด ในการย้ายสถานประกอบกิจการนั้น นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบไม่น้อยกว่าสามสิบวันหากนายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบการย้ายสถานประกอบกิจการล่วงหน้า นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าในอัตราค่าจ้างสุดท้ายสามสิบวัน หากลูกจ้างไม่แน่ใจว่าการย้ายสถานประกอบการนั้นเป็นการย้ายสถานประกอบการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือไม่ และกระทบต่อวิถีชีวิตของลูกจ้างหรือไม่ ลูกจ้างก็มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาจ้างทันทีแต่มีสิทธิยื่นคำขอต่อคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นผู้วินิจฉัย โดยต้องยื่นคำขอภายในสามสิบวันนับแต่วันที่นายจ้างย้ายสถานประกอบการ หากคณะกรรมการสวัสดิการแรงงานมีคำวินิจฉัย คำวินิจฉันนั้นให้เป็นที่สุด เว้นแต่นายจ้างหรือลูกจ้างจะอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อศาล ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายนำคดีไปสู่ศาล นายจ้างต้องวางเงินต่อศาลตามจำนวนที่ต้องจ่ายแก่ลูกจ้างตามกฏหมายคุ้มครองแรงงานภายในสามสิบวันนับจากวันได้รับคำวินิจฉัยจึงจะฟ้องคดีได้ ส่วนในกรณีที่ลูกจ้างยื่นเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการสวัสดิการแรงงานแล้วลูกจ้างไม่พอใจคำวินิจฉัยลูกจ้างก็ต้องใช้สิทธิทางศาลภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคำวินิจฉัย ดังนั้น ก่อนย้ายสถานประกอบการ ผู้ประกอบการควรปฏิบัติตามพันธะตามกฏหมายของตนที่มีต่อลูกจ้างให้ครบถ้วนเสียก่อน และที่สำคัญที่สุดควรพูดคุยกับลูกจ้างถึงความสมัครใจและความสะดวกของตัวลูกจ้างเองด้วย เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย และเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลัง บทความโดย : เชิดศักดิ์ ธีรนันทวานิช ที่ปรึกษาSMEs ด้านกฏหมายธุรกิจ ฝ่ายประสานและบริการSMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |