ภาษีคณะบุคคล (6)
ข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลขึ้น เพื่อประกอบกิจการอื่นนอกจากวิชาชีพอิสระว่าจะกระทำได้หรือไม่ เพียงไร เพราะสิทธิในการประกอบอาชีพบางประเภทนั้นต้องใช้ใบอนุญาตอันเป็นสิทธิเฉพาะตัว (สิทธิติดตัว) ซึ่งได้มีความเห็นในเบื้องต้นไปแล้วว่า สิทธิดังกล่าวย่อมไม่อาจโอนไปยังห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลได้เลย
เพราะห้างหรือคณะฯ มิใช่ผู้ที่ได้รับใบอนุญาต หากเป็นแต่ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือบุคคลในคณะบุคคลเท่านั้นที่เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการดังกล่าว มาพิจารณาถึงการประกอบอาชีพที่มีลักษณะทำนองเดียวกับวิชาชีพอิสระเป็นรายอาชีพกันเลยครับ
อันดับแรก ขอกล่าวถึงการประกอบอาชีพเป็นตัวแทนนายหน้าประกันภัย ทั้งกรณีประกันชีวิต และประกันวินาศภัย อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ประกอบอาชีพนี้มีมาตรฐานในการประกอบอาชีพที่ดีและเป็นระเบียบแบบแผน กล่าวคือต้องเป็นผู้ผ่านการทดสอบ และได้รับอนุญาตให้เป็นตัวแทนจึงจะประกอบอาชีพได้ ในวงการขายประกันจึงไม่มีการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเพื่อประกอบอาชีพ หรือ เพื่อหลบเลี่ยงภาษี
อันดับสอง การประกอบอาชีพสอนหนังสือหรือเป็นผู้บรรยายรายบุคคล มิใช่การสอนหนังสือหรือบรรยายเป็นหมู่คณะ อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร วิทยากรหรือผู้บรรยายคนหนึ่งคนใดจะจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลขึ้นมาเพื่อรับงานสอนนั้น เห็นว่ากระทำไม่ได้ เพราะผู้สอนหรือผู้บรรยายกับกิจการห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลแยกต่างหากจากกันโดยสิ้นเชิง แต่ห้างหรือคณะฯ อาจเป็นผู้รับงานสอนมาแล้วจ้างวิทยากรหรือผู้บรรยายอีกทอดหนึ่งต่างหาก ก็ย่อมเป็นสิทธิที่กระทำได้
อันดับสาม การเป็นผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กรณีนี้ ตามหลักกฎหมายผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนต้องเป็นบุคคล อันได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเท่านั้น แต่สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลไม่มีสถานภาพเป็นบุคคลจึงไม่อาจถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้
ดังนั้น การแยกหน่วยภาษีด้วยการเข้าไปถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนในกิจการดังกล่าว โดยห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลจึงไม่อาจกระทำได้
อันดับสี่ การประกอบอาชีพนักแสดงสาธารณะที่เป็นส่วนบุคคล โดยมิได้ทำการแสดงเป็นหมู่หรือคณะ อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ก็จะคล้ายกับกรณีที่สองการเป็นผู้บรรยายหรือวิทยากรหรือผู้สอนนั่นเองครับ จึงไม่ขอกล่าวในรายละเอียด
----------------------------------------------------------------
ภาษีคณะบุคคล (7)
กล่าวโดยทั่วไป การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เพื่อประกอบกิจการนั้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพของผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่สิทธิเสรีภาพดังกล่าวย่อมต้องมีขอบเขตของกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนของกฎหมาย ว่าด้วยภาษีอากร
ดังเช่น กรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากร อันเป็นกฎหมายพิเศษที่ต้องนำมาพิจารณาก่อน เพราะถือเป็นบทบัญญัติ ยกเว้นหลักกฎหมายทั่วไป
สิทธิในการประกอบธุรกิจหรือวิชาชีพในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลนั้น หากมิใช่เป็นกรณีที่ต้องใช้ใบอนุญาต หรือความสามารถส่วนบุคคล อันเป็นสิทธิเฉพาะตัว (สิทธิติดตัว)แล้ว ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลย่อมกระทำการนั้น ๆ ได้ โดยไม่ขัดกับข้อบทกฎหมายใด ๆ ตามหลักเสรีภาพของบุคคล อาทิ
การเข้าหุ้นกันฝากธนาคาร โดยเปิดบัญชีในนามของคณะบุคคล กรณีนี้ แม้จะ ไม่มีข้อบทที่ว่าด้วยการใช้ใบอนุญาตหรือความสามารถส่วนบุคคล แต่ก็มีข้อจำกัดของจำนวนเงินที่นำมาฝากว่า เป็นเงินทุนที่ลงไว้ในการก่อตั้งร่วมกันเพื่อฝากหรือไม่
หากมิใช่ส่วนของเงินลงทุน เช่นนั้นผู้เป็นหุ้นส่วนนำเงินจากแหล่งใดมาฝาก หากมีการกู้ยืมเงินมาฝาก อาจถือเป็นการประกอบ กิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ซึ่งอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีกด้วย รวมทั้งการกู้ยืมเงินจากผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันเอง
กรณีประกอบกิจการให้เช่าทรัพย์สินก็เช่นกัน ไม่มีข้อบทที่ว่าด้วยการใช้ใบอนุญาตหรือความสามารถส่วนบุคคล แต่ก็มีข้อจำกัดในการหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามนัยมาตรา 5 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 ไม่ว่าทรัพย์สินที่ให้เช่าจะเป็นบ้าน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น หรือแพ หรือเป็นที่ดินที่ใช้ในการเกษตรกรรม หรือเป็นที่ดินที่มิได้ใช้ในการเกษตรกรรม หรือเป็นยานพาหนะ หรือเป็นทรัพย์สินอย่างนั้น ทุกกรณีกำหนดให้สิทธิในการหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาเฉพาะเจ้าของเป็นผู้ให้เช่าเท่านั้น
นั่นย่อมหมายความว่า กรณีจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลขึ้นมาเพื่อการให้เช่าทรัพย์สิน
โดยห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลนั้น ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สินที่นำออกให้เช่า เช่นนี้ ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลนั้น จะหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาไม่ได้เลย ต้องหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรหรือค่าใช้จ่ายจริงเท่านั้น
ในประเด็นหลังนี้ ต้องขอฝากท่านผู้มีเงินได้ให้ช่วยโปรดพิจารณาและพึงสังวรระวังเป็นอย่างยิ่งครับ
ภาษีคณะบุคคล (1)และ(2)
ภาษีคณะบุคคล (3),(4)และ (5)
คณะบุคคล...อีกหน่วยภาษี ที่ไม่ควรมองข้าม