ภาษีคณะบุคคลวิชาชีพอิสระ(1)
ย้อนความไปแต่ปางก่อนที่ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ไม่ว่าใครจะประกอบอาชีพอะไรหากจับคู่กันได้ ก็สามารถเดินไปหาสรรพากรเพื่อแจ้งการมีและใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายได้รวมตัวจัดตั้งเป็น ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลแล้วนะ
จากนั้นก็ขอใช้สิทธิแยกเสียภาษีเงินได้ต่างหากจากบุคคลธรรมดาคนเดียว ก่อให้เกิดช่องโหว่ของกฎหมายภาษีอากร กล่าวคือ เมื่อจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลได้แล้ว ก็จัดการแยกหน่วยทางภาษีเงินได้ แยกการรับรู้เงินได้พึงประเมิน แยกฐานภาษีเริ่มต้นอัตราก้าวหน้าขึ้นใหม่
ในกรณีที่กฎหมาย ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างแท้จริง อาทิ การยกเว้นเงินได้สุทธิไม่เกิน 1.5 แสนบาทแรก ก็พลอยได้สิทธินี้ไปด้วย เป็นผลให้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ลดลงไปเป็นอันมาก
แต่ในทางปฏิบัติของกรมสรรพากร ไม่มีการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านว่ามีผลกระทบทางภาษีอากรหรือไม่อย่างไร คงปล่อยให้เป็นไปจนวันหนึ่ง ท่านอธิบดี วินัย วิทวัสการเวช เข้ารับตำแหน่ง ในฐานะนายตรวจเก่า ก็ได้มองเห็นปัญหานี้ จึงเรียกผู้เกี่ยวข้องมาประชุมหารือ ได้ข้อสรุปว่า ปัญหาการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเป็นปัญหาที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้อีกแล้ว จึงเริ่มวางกรอบจัดระบบใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง ดำเนินการ
ในรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นใหม่ ซึ่งเชื่อว่ากรมสรรพากรก็คงต้องมองเห็นแล้ว แต่ขอยกเป็นตัวอย่างเพื่อให้เกิดภาพของการเสียภาษีเงินได้ในนามห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลว่า ในบางอาชีพแล้ว การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลถือเป็นหน่วยทางภาษีสุดท้ายได้หรือไม่ อันได้แก่ การประกอบวิชาชีพอิสระ
โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระนั้นต้องมีใบอนุญาตเช่น การประกอบโรคศิลปะ (แพทย์รักษาคนไข้) การสอบบัญชี การว่าความ การควบคุมงานก่อสร้าง การออกแบบแปลนอาคาร เป็นต้น ใบอนุญาตที่ได้รับในการประกอบวิชาชีพดังกล่าว ถือเป็นสิทธิเฉพาะตัวเท่านั้น ใช่หรือไม่
หากผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติ บุคคลขึ้น สิทธิในใบอนุญาตอันเป็นสิทธิเฉพาะตัว (สิทธิติดตัว) นั้น จะโอนไปยังห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลได้หรือไม่ ซึ่งเบื้องต้น
ผู้เขียนเห็นว่า สิทธิดังกล่าวไม่สามารถ โอนไปยังห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ มิใช่นิติบุคคลได้เลย ปัญหาการเสียภาษีเงินได้จึงเกิดขึ้น แต่ต้องขอยกยอดไปสัปดาห์หน้าแล้วครับ
-----------------------------------------------------------------
ภาษีคณะบุคคลวิชาชีพอิสระ(2)
ขอย้อนความในสัปดาห์ก่อนที่กล่าวถึง กรณีผู้ประกอบวิชาชีพอิสระได้จัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลขึ้น เพื่อประกอบวิชาชีพอิสระจะกระทำได้หรือไม่ อย่างไร เพราะสิทธิในการประกอบวิชาชีพอิสระตามใบอนุญาตนั้นเป็นสิทธิเฉพาะตัว (สิทธิติดตัว) ซึ่งมีความเห็นในเบื้องต้นว่า สิทธิดังกล่าวย่อมไม่อาจโอนไปยังห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลได้เลย
ในประเทศไทยนั้น ในการเสียภาษีเงินได้มีหลักการสำคัญประการหนึ่งคือ ข้อกำหนดของกฎหมายต้องไม่ก่อปัญหาความเป็นกลางทางเศรษฐกิจตามลักษณะภาษีอากรที่ดี กล่าวคือ บทบัญญัติทางภาษีอากรต้องมีความเป็นธรรมทั้งในรูปการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล
คราวนี้ลองมาพิจารณาถึงกรณีการประกอบวิชาชีพอิสระในรูปของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เช่น กิจการโรงพยาบาล เมื่อคนไข้คนหนึ่งเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วย บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนโรงพยาบาลไม่มีสิทธิรักษาคนไข้รายนั้นได้เลย เพราะไม่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ มีแต่เพียงใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ทางโรงพยาบาลจึงต้องจ้างแพทย์ ซึ่งมีใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะมาทำการรักษาคนไข้รายนั้น
เมื่อคนไข้จ่ายค่ารักษาให้แก่โรงพยาบาล โรงพยาบาลย่อมมีรายได้ค่ารักษาเต็มจำนวน แล้วนำมาจ่ายต่อให้แก่แพทย์ผู้รักษาคนไข้อีกต่อหนึ่ง
ซึ่งก็จะเห็นได้ว่า การรักษาคนไข้ราย หนึ่ง ๆ ก่อให้เกิดเงินได้ให้แก่สองคน สองระดับ คือ ในส่วนของผู้ติดต่อรับรักษา ได้แก่ โรงพยาบาล กับแพทย์ผู้รักษาคนไข้ อีกระดับหนึ่ง
แต่เมื่อหันมามองการจัดตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ ก็จะพบว่า มิได้เกิดเงินได้พึงประเมินขึ้น
ดังเช่นกรณี กิจการวิชาชีพอิสระที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล มีการรวบรัดตัดความให้เสียภาษีเงินได้ในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลเพียงหน่วยภาษีเดียว ซึ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำหรือความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง
เพราะนอกจากจะกระจายฐานภาษี ซึ่งทุกหน่วยภาษีจะได้สิทธิเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตราที่เริ่มต้นอัตราต่ำใหม่ทุกครั้งที่ตั้งหน่วยทางภาษีอากรแล้ว ยังได้สิทธิหักลดหย่อนส่วนบุคคลผู้มีเงินได้เพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ เมื่อมีการยกเว้นเงินได้สุทธิจำนวน 150,000 บาทแรก ก็ได้สิทธิอีกเช่นเดียวกัน ในขณะที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนไม่มีสิทธิกระจายฐานภาษีได้เลย แถมยังต้องเสียภาษีกันถึงสองชั้น สองระดับดังกล่าว
นี่เองจึงเป็นเหตุให้กรมสรรพากรต้องหันมาพิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจังยิ่งขึ้นกว่าเดิม.
ภาษีคณะบุคคล (1)และ(2)
ภาษีคณะบุคคล (3),(4)และ (5)
คณะบุคคล...อีกหน่วยภาษี ที่ไม่ควรมองข้าม