บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
Pattanakit Accounting Tax & Training Co., Ltd.
59/275 ซอยสุวินทวงศ์ 44 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
โทรศัพท์ 094-6574441 , 099-4567715 , 092-4634120, 061-0382531
Website :https://www.pattanakit.net / Email : infoservice2126@gmail.com

มั่งคั่งด้วยภาษี
การใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย ในบั้นปลายของชีวิตหลังเกษียณอายุงานแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ที่จะมีชีวิตอยู่โดยมีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่าย กินอยู่ รักษาตัว เมื่อเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ต้องอาศัยพึ่งพาคนอื่น การจะอยู่ได้เช่นนั้น แม้จะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นจนไม่สามารถไปถึงได้แต่จะต้องกำหนดเป้าหมาย มีความอดทน และมีวินัย ดังนั้นการวางแผนทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับไปให้ถึงเป้าหมายนี้ การวางแผนทางการเงิน เพื่อไปสู่จุดหมายที่เราตั้งใจนั้น ไม่ได้มีสูตรตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการปัจเจกบุคคล แต่เราควรจะกำหนดสัดส่วนการออมให้ชัดเจนว่า ออมเท่าไหร่ เงินเหลือจากออมจึงนำมาใช้จ่าย ไม่ใช่ใช้ก่อนเหลือเท่าไหร่จึงจะเก็บเป็นเงินออม ปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากการหักลดหย่อนเงินภาษีเงินได้ เป็นแนวทางที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งก็เป็นเคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยเพิ่มพูนการออมได้อย่างดีมากทีเดียว การบริหารภาษีเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว และทำได้เลยโดยไม่ยุ่งยาก เพียงแค่ศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในทางที่ถูกต้อง จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับเราได้มากพอดู เงินเพิ่มพูนจากการฝากเงิน หากมีเงินออมอยู่ก้อนหนึ่ง เราอาจจะย้ายเงินฝากจากบัญชีออมทรัพย์ ที่แม้จะไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากหากรายได้ดอกเบี้ยมีไม่เกิน 2 หมื่นล้าน แต่ก็ได้ดอกเบี้ยเงินฝากเพียง 1-2% ไปไว้ในบัญชีเงินฝากประจำแบบมีระยะเวลา จะเป็นแบบ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 12 เดือน ก็ได้ ซึ่งจะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ แต่การฝากเงินแบบนี้จะต้องเสียภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝากในอัตรา 15% แต่ดอกเบี้ยที่เสียไปนี้เราสามารถขอคืนภาษีได้ ด้วยการนำดอกเบี้ยเงินฝากถูกหักภาษีในอัตรา 15% ไปรวม คำนวณภาษี ในบางกรณีก็อาจจะได้ภาษีคืน นอกจากนี้ เรายังสามารถโยกเงินฝากออกไปฝากประจำแบบปลอดภาษี เป็นเงินฝากระยะยาว 24 เดือน แต่มีเงื่อนไขจะต้องฝากเงินต่อเนื่องในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน แต่ละครั้งจะฝากได้สูงสุดไม่เกิน 2.5 หมื่นบาทต่อเดือน แต่หากถอนก่อนครบกำหนดตามเงื่อนไข ผู้ฝากเงินก็จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์เท่านั้น การฝากเงินปลอดภาษีนี้ สามารถฝากได้ตลอดชีวิต คือ เมื่อครบ 2 ปี ก็สามารถที่จะเปิดบัญชีใหม่ ฝากเงินสมทบเข้าไปได้อีก เงินงอกเงยจากการลงทุนในตลาดทุน นอกจากจะฝากเงินฝากระยะยาวแล้ว เรายังสามารถที่จะนำเงินออมแยกไปซื้อกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งให้ผลตอบแทนสุทธิสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ประมาณ 3-4% นอกจากนี้ ยังไม่เสียภาษีเงินได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยความเสี่ยงของเงินกองทุนประเภทนี้มีไม่สูงจนรับไม่ได้ เนื่องจากกองทุนประเภทนี้จะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตร รัฐบาลระยะสั้น หรือฝากธนาคารซึ่งรัฐบาลยังค้ำประกันทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย บางคนที่รักความเสี่ยง แบบ Hight Risk High Return ก็ลงทุนในตลาดหุ้นโดยตรงด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ และซื้อขายหุ้นเอง ซึ่งผลกำไรที่ได้จากการขายหุ้นนั้นไม่ต้องเสียภาษี การลงทุนในหุ้นนั้นมีผลพลอยได้เกิดขึ้นในรูปของเงินปันผล ซึ่งเงินปันผลนี้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ของรายได้ แต่เราสามารถที่จะขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ แต่ถ้าหากผู้ที่ซื้อหุ้น ซื้อหุ้นจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเงินปันผลที่จ่ายไม่ต้องหักภาษีเพราะผู้ถือหุ้นที่ได้รับเงินปันผลจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ และไม่ต้องนำมารวมคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่อย่างใด รวยด้วยกองทุนรวม ออมเงิน/ลงทุนกับกองทุน LTF และ RMF โดย KBank (ตอนที่ 1) คนที่ไม่นิยมความเสี่ยง ก็ไม่ควรจะเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเอง แต่มีทางเลือกในการลงทุนให้ ด้วยการซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ (RMF) ทั้งนี้ ควรศึกษาเงื่อนไขการลงทุนในกองทุนทั้ง 2 ประเภทนี้ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เงื่อนไขสำคัญสำหรับการลงทุนใน RMF คือต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยปีเว้นปี และจะออกได้ต่อเมื่ออายุ 55 ปี และลงทุนมาแล้วเกิน 5 ปี หากออกไปก่อนก็ต้องคืนภาษีที่หักลดหย่อนไปแล้วแก่รัฐ แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายกองทุนได้ หากเห็นว่าได้ประโยชน์มากกว่า มารู้จักกองทุน LTF และ RMF โดย KBank (ตอนที่ 2) หากไปซื้อกองทุนที่จ่ายเงินปันผล ก็สามารถนำเงินปันผลมาเครดิตภาษีคืนได้ ยิ่งใครฐานภาษีต่ำ ยิ่งขอเครดิตภาษีคืนได้มากขึ้น กรณีที่ผู้ถือหุ้นมีฐานภาษีอยู่ที่ 10% สามารถขอคืนภาษีได้ถึง 27% ส่วนคนที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย อาจขอภาษีเงินปันผลที่เสียไว้แล้วคืนได้ทั้งหมด ขณะที่ LTF บังคับให้ถือเพียง 5 ปี และไม่ต้องลงทุนต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น เพิ่มความมั่นคงด้วยประกันชีวิต เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า การทำประกันชีวิตสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 5 หมื่นบาท(เมื่อปี 2549) ดังนั้น ผู้ที่เสียภาษีในอัตราสูงน่าที่จะเข้าศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งประกันภัยที่จะหักลดหย่อนภาษีได้ต้องซื้อก่อนวันสิ้นปี และกรมธรรม์ต้องมีอายุเกิน 10 ปีเท่านั้น
ผู้ที่เริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่ ซื้อที่อยู่อาศัยแบบเงินผ่อน ดอกเบี้ยซื้อบ้านนั้นรับยอมให้นำมาหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 5 หมื่นบาท (เมื่อปี 2549) แต่มีเงื่อนไขผู้หักลดหย่อนภาษีต้องมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน ออมผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นเงินออมแบบผูกพันระยะยาว ที่กฎหมายออกมาให้เป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่ลูกจ้าง เพื่อใช้ยังชีพยามเกษียณอายุ หรือพ้นจากวัยทำงาน โดยกฎหมายกำหนดให้นายจ้างและลูกจ้างสมทบเงินเข้ากองทุนในสัดส่วนที่เท่ากัน สำหรับลูกจ้างที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินที่จ่ายสะสมเข้ากองทุนโดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ในปีนั้น และสูงสุดถึง 3 แสนบาท มั่งคั่งจากการประหยัดภาษี เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าเราจะเพิ่มเงินออมได้จากการประหยัดภาษีอย่างไร ลองมาดูตัวอย่างการคำนวณการเสียภาษีที่เข้าใจได้ง่ายๆ คือ หากท่านเสียภาษีเงินได้ฯ ในอัตรา 30% และมีเงินได้เกินปีละ 2 ล้านบาท ท่านสามารถใช้สิทธิซื้อ RMF และ LTF กองละ 3 แสนบาท ตลอดจนใช้สิทธิซื้อประกันชีวิตและเสียดอกเบี้ยซื้อบ้านอีกอย่างละ 5 หมื่นบาทต่อปี รวมแล้วหักลดหย่อนได้ถึงปีละ 7 แสนบาท ซึ่งจะสามารถขอภาษีคืนได้ถึง 2.1 แสนบาท หากท่านทำต่อเนื่องเพียง 5 ปี ภาษีที่ท่านประหยัดได้จะเท่ากับ 1.05 ล้านบาท! นี่ยังไม่ได้รวมการขอคืนภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากหรือเงินปันผล ที่ยังนำมาขอคืนภาษีได้อีก รวมทั้งการขอเครดิตภาษีซื้อบ้านและนำเอาเงินจ่ายสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาหักลดหย่อนภาษี ทีนี้รู้หรือยังว่าการประหยัดภาษีดีอย่างไร ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 27 พ.ย. 2549 |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |