บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
Pattanakit Accounting Tax & Training Co., Ltd.
59/275 ซอยสุวินทวงศ์ 44 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
โทรศัพท์ 0-2019-4656 , 0-2023-7182 , 084-1568284, 092-4634120, 098-2529544, Fax 0-2019-4659
Website :https://www.pattanakit.net / Email : pat@pattanakit.net
![](/images_profiles/heading1.jpg)
กฎหมายไม่ใช่เรื่องไกลตัว
กฎหมายไม่ใช่เรื่องไกลตัว
การประกอบธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจขนาดเล็ก ผู้ประกอบการควรมี ความรู้ในด้านกฎหมายบ้างพอสมควร หากตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ควรหาผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายมาให้คำแนะนำ เพราะการเริ่มต้นประกอบธุรกิจในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งในรูปแบบของบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือแม้แต่เป็นเจ้าของกิจการคนเดียวก็ล้วนแล้วแต่จะต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายทั้งสิ้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักละเลยไม่ให้ความสำคัญในเรื่องของกฎหมาย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว หรือมักจะมองข้ามไป หากไม่เกิดปัญหาหรือข้อพิพาทขึ้นก็มักจะไม่คิดถึงเรื่องกฎหมาย ทั้งๆที่จริงแล้วการประกอบกิจการไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามล้วนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายทั้งสิ้น การที่ผู้ประกอบกิจการประเภทใดก็ตามทำให้ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่เริ่มและยึดหลักกฎหมายในการดำเนินกิจการเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะหากเกิดข้อพิพาททางกฎหมายขึ้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกก็มักจะต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการดำเนินการเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการจึงควรคำนึงถึงหลักการประกอบการตามสุภาษิตไทยที่ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ หากจะประกอบกิจการโดยก่อตั้งเป็นบริษัทในการเริ่มดำเนินการล้วนแต่มีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น ในเริ่มต้นจะต้องมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท โดยมีผู้ร่วมกิจการ 7 คน ซึ่งเป็นข้อบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทย เมื่อก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นมาแล้ว บริษัทจะมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีความรับผิดเป็นของตนเองแยกออกจากบุคคลผู้เป็นเจ้าของกิจการ (ผู้ถือหุ้น) บริษัทจะอยู่ภายใต้การบริหารของกรรมการ ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งหรือถอดถอนได้จากผู้ถือหุ้น ความรับผิดของผู้ถือหุ้นจะมีจำกัดเพียงเงินที่ยังมิได้ชำระค่าหุ้นเท่านั้น หากผู้ถือหุ้นชำระค่าหุ้นเต็มจำนวนไปแล้วก็ไม่ต้องรับผิดในส่วนนอกเหนือจากนั้นอีก แต่ผู้ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เช่น จะต้องทำงบดุลของบริษัทส่งกรมสรรพากร ซึ่งหากกรรมการของบริษัทไม่ดำเนินการก็จะมีความผิด การไม่ส่งงบดุลของบริษัทนั้นนอกจากบริษัทจะต้องเสียค่าปรับแล้ว ตัวกรรมการยังมีโทษทางอาญาอีกด้วย หรือแม้แต่การประกอบกิจการที่ผู้ดำเนินการเป็นเจ้าของคนเดียว ประกอบธุรกิจขายสังหาริมทรัพย์ เช่น เครื่องประดับ รองเท้า เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ฯลฯ หากสินค้าที่จำหน่ายมีราคาเกินกว่า 20,000 บาท ในการขายจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือว่ามีการตกลงซื้อขายสินค้ากัน มีการวางมัดจำหรือชำระราคาสินค้าบางส่วน เพราะหากไม่มีหลักฐานตามข้างต้นเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นก็จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ดังนั้นในการซื้อขายสินค้าต่างๆ ในขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าจะต้องมีการทำใบสั่งซื้อสินค้า หรือจะต้องมีการให้เครดิตเงินที่ต้องชำระโดยทำหลักฐานเป็นหนังสือ การส่งมอบสินค้าจะต้องทำใบส่งสินค้าโดยมีรายละเอียดของใบส่งสินค้า ดังนี้ รายการสินค้า ราคาสินค้า ชื่อผู้ส่งสินค้า และผู้รับสินค้า นอกจากนี้ยังจะต้องให้ผู้ซื้อสินค้าหรือตัวแทนเซ็นชื่อรับมอบสินค้าเวลาที่ไปจัดส่งสินค้าอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการซื้อขายสินค้ากันจริง เพราะหากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นก็จะนำมาฟ้องคดีกันได้หรือหากต้องการเช่าตึกเพื่อใช้เป็นสำนักงาน การทำสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นต้องทำเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย และระยะเวลาเช่าไม่เกิน 3 ปี หากต้องการเช่าเป็นระยะเวลาเกินกว่า 3 ปี ก็จะต้องนำสัญญาเช่าไปจดทะเบียนการเช่าที่กรมที่ดิน เพราะการเช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี กฎหมายกำหนดให้ไปจดทะเบียนการเช่าที่กรมที่ดิน สัญญาเช่าที่มิได้จดทะเบียนที่กรมที่ดินถึงแม้ในสัญญาจะระบุระยะเวลาเช่ากันไว้เกินกว่า 3 ปี ก็จะมีผลบังคับใช้เพียง 3 ปี เมื่อประกอบธุรกิจแล้วมีการซื้อขายสินค้า มีการทำสัญญาเช่าก็จะต้องมีการชำระค่าสินค้าหรือค่าเช่า บางครั้งอาจชำระเป็นเช็ค ซึ่งเช็คตามกฎหมายถือเป็นตราสารชนิดหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางการเงิน การสั่งจ่ายเช็คโดยที่ไม่มีเงินในบัญชี หรือมีเงินในบัญชีไม่พอเมื่อครบกำหนดตามเช็ค อาจมีโทษทางอาญาทั้งจำหรือปรับ หากผู้ประกอบการขาดความเข้าใจในเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับเช็ค ผลสุดท้ายอาจทำให้ผู้ประกอบการต้องรับโทษทางอาญาโดยที่ผู้ประกอบการไม่มีเจตนาจะไม่ชำระเงินตามเช็ค แต่อาจเกิดจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยก็เป็นได้ ในการประกอบกิจการหากต้องมีการทำสัญญากับบุคคลภายนอก ถ้อยคำในสัญญา บางครั้งเป็นภาษากฎหมาย ผู้ประกอบการอาจไม่เข้าใจกับภาษากฎหมาย เมื่อผู้ประกอบการลงนามในสัญญานั้นไปแล้วก็เท่ากับผูกพันตนไปกับสัญญานั้น ทั้งที่ยังไม่เข้าใจข้อสัญญาอย่างถ่องแท้ ซึ่งส่งผลให้อาจเสียเปรียบกับคู่สัญญาได้ ปัญหาและข้อพิพาทต่างๆของผู้ประกอบการในการทำธุรกิจก็มักเกิดจากความไม่เข้าใจหรือขาดความรู้ทางด้านกฎหมายของตัวผู้ประกอบการ รวมถึงไม่ให้ความสำคัญในเรื่องกฎหมายอันจะนำมาซึ่งความเสียหายในอนาคต ดังนั้น ก่อนที่จะประกอบธุรกิจรูปแบบใดก็ตาม นอกจากจะศึกษาหาความรู้ในเรื่องตัวสินค้า กระบวนการผลิต วิธีการหาตลาด ฯลฯ ผู้ประกอบการควรศึกษาหาความรู้ในด้านกฎหมายควบคู่ไปด้วย อาจไม่ต้องศึกษาจนเชี่ยวชาญเท่ากับนักกฎหมาย แต่ก็ควรศึกษาจนถึงขั้นเข้าใจจนไม่ให้ใครมาเอาเปรียบได้ หากไม่สามารถศึกษาด้วยตนเองได้ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกฎหมาย ตัวอย่างของการไม่ให้ความสำคัญในเรื่องกฎหมายจนเกิดความเสียหาย เช่น ตัวอย่างที่ 1 นายดำ ประกอบธุรกิจขายคอมพิวเตอร์ ได้ตกลงขายคอมพิวเตอร์ให้กับนายแดง จำนวน 10 เครื่อง คิดเป็นเงิน สองแสนบาท แต่ไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือเพียงแต่ตกลงซื้อขายกันด้วยวาจา เมื่อถึงกำหนดส่งสินค้าและชำระเงินค่าสินค้า หากนายแดง ซึ่งเป็นผู้ซื้อปฏิเสธไม่รับสินค้าที่นายดำ จัดส่งไปให้ นายดำ ก็ไม่สามารถบังคับให้นายแดง รับสินค้าและชำระเงินค่าสินค้าได้ เนื่องจากการขายสินค้าดังกล่าวเป็นการขายสินค้าซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์มีมูลค่ารวมเกินกว่า สองหมื่นบาท กฎหมายกำหนดให้ต้องมีหลักฐานการซื้อขายเป็นหนังสือ หรือมีการวางมัดจำชำระหนี้บางส่วน หากไม่ดำเนินการดังกล่าว ก็ไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ ส่งผลให้นายดำ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่ซื้อคอมพิวเตอร์นั้นเอง รวมถึงค่าขนส่งด้วย แต่หากนาย ดำ ได้เรียกมัดจำไว้จากนายแดง โดยทำเป็นใบเสร็จว่าได้รับค่ามัดจำแล้ว และให้นายแดง ลงลายมือชื่อเป็นผู้จ่ายเงินมัดจำไว้ ผลในทางกฎหมายนายดำ สามารถนำใบเสร็จรับเงินมัดจำมาเป็นหลักฐานฟ้องร้องต่อศาล เพื่อบังคับให้นายแดง รับสินค้า และชำระเงินค่าสินค้านั้นได้ ตัวอย่างที่ 2 นาย ก. เปิดบริษัทเพื่อค้าขายอุปกรณ์การเกษตร และมีตนเองเป็นกรรมการของบริษัท โดยวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทได้จดทะเบียนไว้เฉพาะการค้าขายอุปกรณ์ทางการเกษตรเท่านั้น หากนาย ก. นำบริษัทดังกล่าวไปดำเนินกิจการขายบ้านจัดสรร อันเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่ใช่วัตถุประสงค์ของบริษัท ผลทางกฎหมายการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ไม่ผูกพันบริษัท หากมีความเสียหายเกิดขึ้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ นาย ก. ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวไม่ผูกพันบริษัท ดังนั้น หากท่านไปทำสัญญาซื้อบ้านจัดสรรดังกล่าวแล้วเกิดปัญหาขึ้น ท่านจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับบริษัทดังกล่าวได้ จะฟ้องร้องได้ก็เฉพาะตัวนาย ก. เท่านั้น กรณีตามตัวอย่างทั้งสองจะเห็นได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากความไม่รู้ในเรื่องของกฎหมาย อีกทั้งยังละเลยไม่เห็นความสำคัญของกฎหมาย ผู้ประกอบการจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ในด้านกฎหมายตั้งแต่ก่อนเริ่มก่อตั้งกิจการ หากตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ควรปรึกษาที่ปรึกษาทางกฎหมาย อย่าคิดว่าที่ปรึกษากฎหมายไม่มีความจำเป็น และเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงเกินควร ในปัจจุบันหลายหน่วยงานให้คำปรึกษาทางกฎหมาย โดยมีที่ปรึกษาทางด้านกฎหมายที่มีประสบการณ์มาให้คำปรึกษาและวางแผนในเรื่องกฎหมายให้กับผู้ประกอบการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เช่น สภาทนายความ ศาลยุติธรรม มหาวิทยาลัยต่างๆที่เปิดสอนทางด้านกฎหมาย ฯลฯ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ก็เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลที่ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย และนอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาด้านต่างๆที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร ซึ่งหากผู้ประกอบการมารับคำปรึกษาที่ สสว. ก็จะได้รับความรู้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะเทคนิคการบริหารงานของผู้ประกอบการที่เป็น SMEs อย่างครบถ้วนในทุกๆด้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
บทความโดย : ศุรวีร์ รัตนไชย ที่ปรึกษาSMEs ด้านกฏหมายธุรกิจ ฝ่ายประสานและบริการSMEs สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |