
สาเหตุของ...การคิดใหญ่ แต่...ไปไม่รอด !
ใครๆก็ถูกปลูกฝังให้คิดใหญ่ SME หน้าใหม่ๆไปจนถึง SME หน้าเดิมๆ และองค์กรหลายๆองค์กร
ต่างก็พยายามที่จะ คิดใหญ่ (Think Big) และไปให้ถึง...
แต่ส่วนมาก ได้แค่ คิดใหญ่ แต่ไปไม่ค่อยจะถึง !
การคิดใหญ่ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย การคิดเล็กเกินไปก็เป็นการบั่นทอนศักยภาพของตนเอง มา
ลองหาสาเหตุกันดีกว่าว่า ทำไมส่วนมาก...คิดใหญ่...แล้วมักจะเจ๊ง!
1.คิดใหญ่...แบบไม่ประเมินตัวเอง
ถือเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความล้มเหลวของผู้ที่คิดใหญ่! เพราะการไม่ประเมินตัวเอง ย่อมมีแต่
ฝันที่ปราศจากวิสัยทัศน์! และเป็นฝันที่มั่นใจแบบไร้สติอีกต่างหาก! SME หรือเจ้าของ
กิจการประเภทนี้ แยกไม่ออกว่า ความหลงตัวเอง กับ จุดแข็งของตัวเองแตกต่างกันยังไง!
ยิ่งถ้าได้รับการชื่นชมว่าเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการ ก็เท่ากับยิ่งเป็นการส่งเสริม SME หรือ
เจ้าของธุรกิจประเภทนี้ให้หลงตัวเองมากยิ่งขี้นว่า ข้าแน่เป็นหนึ่งไม่มีสอง คิดไกลถึงขนาดจะ
ไปโค่นอันดับหนึ่งที่อยู่ในวงการมาหลายสิบปี แต่แค่ 1-2ปี พวกคิดใหญ่ประเภทนี้ก็จะแพ้ภัย
ตัวเองเพราะ ความต่างและความห่างของ ฝัน กับ ฝีมือที่แท้จริง มันแตกต่างและห่างเกินไป!
2.คิดใหญ่...แต่ใจร้อน
ถือเป็นจุดตาย ทั้ง SME ที่มีฝีมือหลายต่อหลายรายต้องมาตายเพราะความใจร้อน คิดแต่
เพียงว่า จะก้าวกระโดดอย่างไรให้ไกลที่สุด จะใช้เวลาให้น้อยที่สุดเพื่อไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่ง
ใหญ่ และ SME รวมทั้งผู้บริหารดาวรุ่งที่มีฝีมือหลายต่อหลายคนที่เป็นแบบนี้ จะโชคดีใน
ช่วงแรกๆของการบุกเบิก เรียกว่าทั้งเก่งทั้งเฮงในตอนเริ่มต้น ยิ่งทำให้ฮึกเหิมคิดการใหญ่ ลง
ทุนเกินตัว ขยายธุรกิจอย่างบ้าคลั่ง...สุดท้ายถ้าไม่คลั่งจนเป็นบ้าเพราะเจ๊ง ก็จะหายเงียบเข้า
กลีบเมฆไปหลบเลียแผล หลายต่อหลายราย!
3.คิดใหญ่...แต่คิดเอาแต่ได้
SME และเจ้าของธุรกิจประเภทนี้ มักคิดแต่ต้องการกินรวบ! นอกจากจะคิดกำจัดคู่แข่งอย่าง
ปราศจากจริยธรรมแล้ว ยังมีแต่ความคิดและการกระทำที่เอารัดเอาเปรียบตลอดเวลา ทั้งกับคู่
ค้า ทั้งกับพันธมิตร ที่ร่วมด้วยช่วยกันมาตั้งแต่แรก เรียกง่ายๆว่า คิดใหญ่แต่โลภ! เมื่อเริ่ม
ขยายธุรกิจ คิดการใหญ่ไปได้สักระยะหนึ่ง ก็จะเริ่มรู้สึกว่า หันไปทางไหนก็เจอแต่ศัตรูที่เมื่อ
ก่อนเคยเป็นมิตร! ไม่ช้าไม่นาน กลุ่มที่คิดการใหญ่กลุ่มนี้ก็จะค่อยๆถูกถอนการสนับสนุนและ
ปราศจากโอกาสที่เคยมีคนหยิบยื่นให้...คิดใหญ่ได้ไม่นานก็แพ้ภัยตัวเองจนค่อยๆล้มหายตาย
จากไป!
4.คิดใหญ่...โดยใช้เงินร้อน
SME และเจ้าของธุรกิจประเภทนี้ หลายคนมีฝีมือ แต่ต้องมาถึงจุดจบทางธุรกิจก่อนวัยอัน
ควร เพราะการใช้แหล่งเงินที่กู้มาในอัตราดอกเบี้ยสูง หรือแม้กระทั่งการปั่นหุ้นเพื่อนำเงินมา
ขยายธุรกิจ แต่เมื่อผลประกอบการออกมาตกต่ำ และเลวร้ายกว่าที่คิด ก็ขาดความสามารถที่
จะหมุนเงิน เรียกว่ารายได้ยังไม่พอจ่ายดอกเบี้ย สุดท้ายมักจะลงเอยที่การขายกิจการหรือไม่
ก็ถูกเจ้าหนี้เข้าครอบครอง ดับดาวรุ่งไปอีกราย!
5.คิดใหญ่...แต่ยังไม่ตกผลึก
ในประเด็นสุดท้ายมักจะเกิดกับพวกนักศึกษาจบใหม่ไฟแรง หรือแม้กระทั่งยังเรียนไม่จบ ก็ใฝ่
ฝันอยากจะเป็นแบบ บิล เกตส์ หรือ สตีฟ จ๊อบ ที่เรียนไม่จบก็รวยและรุ่งโรจน์ได้! ประเด็นไม่
ได้อยู่ที่เรียนจบหรือไม่จบ แต่ประเด็นอยู่ที่มีความคิดดี แต่มีความระห่ำที่ยังไม่ตกผลึก มีแต่
ฝันแต่ขาดกึ๋นที่ตกผลึก ก็เลยลงเอยที่ตกเหวภายใน 2-3 ปี!
หมายเหตุ : ภาพประกอบหนังสือคิดใหญ่..ไม่คิดเล็ก ของ Dr.David J.Schwartz นี้
ไม่เกี่ยวกับบทความนี้แต่อย่างใด เว็บมาสเตอร์นำมาเป็นภาพประกอบเท่านั้น แต่ทางเราก็อยากเชียร์
ให้ท่านหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เพราะเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีเยี่ยมในเรื่อง
ของการ Think Big ลองหาอ่านดูนะครับ...

บทความโดย : ธีรพล แซ่ตั้ง ที่มา : วารสารบิสิเนสไทย