ReadyPlanet.com
dot
คลังข้อมูลนักบัญชี
dot
bulletมุมบัญชี
bulletสภาวิชาชีพบัญชี
bulletกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletธนาคารแห่งประเทศไทย
dot
ภาษี (Tax)
dot
bulletกรมสรรพากร
bulletสถานที่ตั้ง/เบอร์โทร สรรพากร
bulletประมวลรัษฎากร
bulletหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย
bulletDownload File บัญชี - ภาษี
dot
รวม Link เอนกประสงค์
dot
bulletอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารต่างๆ
bulletอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
bulletธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
bulletหน่วยบริการภาษีใน กทม.
bulletตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
bulletพจนานุกรมไทย
bulletDictionary อังกฤษ > ไทย
bulletเบอร์โทรศัพท์ - พกไว้คู่กาย
bulletรวมเบอร์โทรเรียก แท็กซี่
bulletชมคลิปวีดีโอ เมืองไทยในอดีต
dot
ค้นหาบทความในเว็บไซต์

dot
dot
บริการของเรา (Service)
dot


รับทำบัญชี



ทำอย่างไร…เบื่องานสุดๆ

 

                                                                                    ทำอย่างไร…เบื่องานสุดๆ

               

เคยไหม…ที่สุดแสนจะเซ็งกับงานเหลือเกินเบื่อหน่ายกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาเอามากๆ

เอาเป็นว่า…เช้ามาทำงานแค่เห็นประตูออฟฟิศก็เบื่อแล้ว ส่วนช่วงระหว่างวันเอาแต่นั่งซังกะตายไม่ยอมพูดยอมจากับใคร เพราะเอาไปสมองคิดแต่เรื่องร้ายๆ ที่รังแต่จะบั่นทอนกำลังใจตัวเองลงไปทุกที หากใครเป็นถึงขนาดนี้…นับว่าอาการเข้าขั้นโคม่าทีเดียว!

คงต้องรีบจัดการทำอะไรกับตัวเองสักอย่างแล้วล่ะ ก่อนที่ความเบื่อหน่ายจะสะสมเพิ่มพูนจนหลายสิ่งหลายอย่างบานปลายออกไป เพราะถ้าปล่อยให้ถึงวันนั้น คุณอาจได้แต่พร่ำบ่นกับตัวเองว่า “สายไปซะแล้ว!”

สำหรับเรื่องที่ชอบคิดกันนักหนานั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องที่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มองไปโต๊ะข้างๆ “ดูยายคนนั้นซิ…แค่ทำตัวเอ๋อไปวันๆ งานที่ทำก็ไม่หนักหนาและยุ่งเหยิง แต่ทำไมถึงได้แต่สิ่งดีๆ นะ” “ส่วนเธอ…งานไม่เห็นจะยาก แต่ทำไมเงินเดือนมากกว่าฉันล่ะ” สรุปว่า คือ วันๆ มองหาแต่เหยื่อ หากเป็นถึงขนาดนี้แล้วเมื่อไหร่เล่าอาการเซ็งไร้สาระจะหายไปเสียที

สาเหตุของความเบื่อที่ไร้ขอบเขตของคนทำงานนั้น

ส่วนใหญ่มักเกิดจากเจ้านายเป็นอันดับหนึ่ง รองมาคือเพื่อนร่วมงาน ถัดมาคือลูกน้อง และข้อสุดท้ายคือเงินเดือน (น้อย แต่ใช้งานเกินคุ้ม)

ทั้งหมดเป็นสาเหตุของความเบื่อก็จริง แต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการเซ็งสุดๆ อาจเกิดจากความคิดที่มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และต้องการความสนใจจากเจ้านายมากเกินไป

ฉะนั้น…พยายามนึกถึงตัวเองเข้าไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้มากๆ มองตัวเองอย่างมีคุณค่า จะทำให้คุณสนุกและอยากทำงานมากขึ้น

ก่อนที่คุณจะแก้ปัญหาแบบ short term คือ ลาอออกไป ลองกลับมานั่งคิดด้วยเหตุด้วยผล ศึกษาแต่ละจุด เพื่อทำความเข้าใจตัวเองให้ถ่องแท้กันก่อน อันดับแรกหัดสร้างคุณค่าให้ตนเองเสียก่อน

การให้คุณค่าตัวเอง

จะว่าไปแล้ว…คนเรานี้ก็แปลก ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ทำไมคนนั้นเก่งจัง ทำไมเขามีแต่ใครๆ ชื่นชม แต่เรากลับแย้…แย่ จนนึกเกลียดความไม่สวย ไม่รวย ไม่โก้ ไม่เด่น ไม่หรู ไม่เก่ง และไม่ได้ดังใจ

ถ้าไม่รู้จักหัดปลื้มตนเองและให้คุณค่าตนเองละก็ คุณจะกลายเป็นคนทุกข์ใจตลอดไปอย่าไม่จบสิ้น
ความน้อยเนื้อต่ำใจในจุดด้อย ตัวนี้แหละที่คอยบ่อนทำลายความเชื่อมั่นของคุณมากที่สุด บรรดาสิ่งดีๆ ที่คุณเห็นในตัวคนอื่นนั้นน่ะ…ลองหันกลับมามองตนเองสิ ใช่ว่าคุณจะไม่มีเสียเลย เพียงแต่คุณอาจจะไม่ได้นำมาใช้บ่อยเหมือนเขาเท่านั้นเอง 
                      

“ฉันเห็นความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงของเพื่อนร่วมงานฝ่ายเดียวกับฉัน ซึ่งทำให้เธอประสพความสำเร็จในการนัดหมายลูกค้า ทำให้การเจรจาทำสัญญาสำคัญต่างๆ ของบริษัทสำเร็จบ่อยครั้ง นั่นเพราะเธอเข้าหาลูกค้าถึงออฟฟิศเลยทีเดียว ผิดกับฉันที่ชอบนัดเจรจาในห้องประชุมออฟฟิศตัวเอง กว่าจะนัดได้แต่ละครั้งก็ใช้เวลาไม่น้อย แต่ฉันไม่ได้ท้อแท้นะ เพราะเมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว…เอาใหม่ ฉันลุยหาลูกค้าทั้งหลายถึงออฟฟิศหมดทุกคน ปรากฏว่าเดือนต่อมาฉันสามารถทำยอดขายทะลุเป้าให้กับบริษัท จนหัวหน้าเอ่ยปากชม” จิรวดี จิตตานุธรรม พนักงานฝ่ายการตลาดวัย 27 ปี ของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง

ให้ผิดเป็นครู

เวลาคุณทำอะไรผิดพลาดอย่าไปฟูมฟายโทษตัวเองมากมายนัก คิดดูแล้วกัน…ยังมีคนอีกเยอะแยะที่ผิดพลาดมหันต์ยิ่งกว่าคุณ ใครๆ ก็ทำผิดกันได้ (อย่าบ่อยนัก) ทำอะไรทุกอย่างคิดเผื่อความล้มเหลวไว้บ้าง พยายามคิดให้มี Safe T-Cut ไว้ก่อน

ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเอง

ต้องเปลี่ยนตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกจนถึงรูปลักษณ์ภายใน “การตัดผมใหม่ ทำสีผมใหม่ แต่งหน้าแนวใหม่ ทำให้ชีวิตฉันมีชีวิตชีวา มองสิ่งรอบตัวอย่างท้าทายและสนุกสนานขึ้น” สุนีย์ วิทยากุล เลขานุการผู้บริหารของบริษัทธุรกิจนำเข้าชื่อดัง

อย่าลืมว่าคุณอยู่ที่นี่เพื่ออะไร

จำให้ได้ว่า “คุณอยากได้อะไรจากงาน…แล้วงานให้กับอะไรกับคุณ” จงมองหาเป้าหมายที่อยากทำให้สำเร็จอยู่เสมอ เพราะนั่นจะทำให้คุณไม่เคว้งคว้างเลื่อนลอยกับการทำงาน สำหรับบางคนอาจมีเป้าหมายเพียงเพื่อเก็บเงินท่องเที่ยวตามประสาสาวโสด ส่วนบางคนอาจหวังถึงการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่งานที่ชอบก็สำคัญ เพราะหากคุณมัวแต่ทำงานที่ตัวเองไม่สนใจไปวันๆ และไร้ประโยชน์ในระยะยาว คุณคงต้องเซ็งกับงานแน่ๆ

สร้างอารมณ์ในการทำงาน

‘แรงบันดาลใจ’ สำคัญที่สุด หากคุณไม่มีสิ่งนี้คุณจะเอากำลังใจจากไหนมาฮึดสู้ มันคงเกิดเองได้ยาก
ก่อนอื่นให้ย้อนมองดูตัวเอง นิสัยเสียๆ ที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไปดีกว่า แล้วมาคิดว่าทำอย่างไรให้ตัวคุณคงความกระตือรือร้น ไม่ให้ถอยกลับไปสู่ความเบื่อเดิมๆ อีก

ลองออกไปข้างนอกซะบ้าง หายใจเอาอากาศสดชื่นเข้าปอด รับแสงแดดซะหน่อย ดื่มน้ำสักแก้ว ทำอารมณ์ให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณสามารถ…ยิ้มออก เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้อาจทำให้คุณหายเซ็งขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ…ลองทำดูสิ

ทั้งหมดนั่นคือการสร้างคุณค่าให้ตนเองด้วยตัวคุณเอง หากทำทุกวิถีทางแต่ความเบื่อหน่ายยังไม่จางหายไป คงต้องกลับมานั่งพิจารณากันใหม่อีกรอบว่า คุณเบื่องานปัจจุบันเข้าจริงๆ แล้วล่ะ แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนี้คงถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายบริษัทเก่าของคุณเสียที

สัญญาณบอกเหตุ…ถึงเวลาบอกลาบริษัท

                

- ฝันกลางวันบ่อยๆ แทนที่จะขะมักเขม้นกับการทำงาน กลับกลายเป็นว่าคุณเริ่มนั่งใจลอยฝันกลางวันมากขึ้น มองเห็นโลกแห่งความฝันดีกว่าโลกในความเป็นจริงที่มีงานกองเต็มอยู่ตรงหน้า

- อยู่นิ่งมากขึ้น จากที่เคยขันอาสา กุลีกุจอรับทำงานพิเศษในแต่ละโปรเจ็กต์ที่บริษัทจัดขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณเฉยชากับสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่อยากหยิบจับอะไรเลย

- เรื่องเล็กน้อยก็ทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ เช่น แค่มีคนทำกาแฟหกที่พื้นทางเดิน ก็ทำให้คุณอารมณ์เสียไปตลอดทั้งวัน

- ไม่เห็นจุดหมายของตัวเอง มองไม่ออกเลยว่าอีก 5 ปีข้างหน้าอนาคตจะอยู่ตรงไหนของบริษัท มองไม่เห็นว่าตำแหน่งต่อไปคืออะไร หรือไม่หวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่งอีกแล้ว

- ไม่ใส่ใจอะไรเลย ประมาณว่าเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ กลับจากลาพักร้อน ถามไถ่คุณว่าช่วงที่เธอไม่อยู่นั้นสถานการณ์ในออฟฟิศเป็นอย่างไรบ้าง คุณบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย เหมือนทุกๆ วันที่ผ่านมา (แล้วก็ผ่านไป) นั่นแหละ แสดงว่าคุณไม่ใส่ใจสิ่งรอบข้างเลย

- ใช้เวลาทานอาหารกลางวันยาวนานกว่าปกติ จากเมื่อก่อนที่มีความรู้สึกว่า เอาเวลานั่งเมาท์ช่วงพักเที่ยงไปทำงานดีกว่า แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าใช้เวลาพักเที่ยงให้นานขึ้น จากชั่วโมงเดียวเอื่อยเฉื่อยไปถึงสองชั่วโมงได้โดยที่คุณไม่รู้สึกผิดอะไร แถมมีความสุขซะอีก

แต่จำไว้ว่า ความเบื่อจากการทำงานย่อมมีขึ้นและมีลง เป็นเรื่องปกติธรรมดา!!! อย่าถึงกับหมกมุ่นค้นหาคำตอบถึงขั้นลาออกหนีความทุกข์ไปเลย เพราะการออกจากงานโดยไม่มีงานใหม่รองรับ (ตกงาน) ยิ่งจะทำให้เซ็งชีวิตหนักขึ้น สมัยนี้ใช่ว่าจะหางานกันได้ง่ายๆ พานทำให้ความมั่นใจและกำลังใจต่างๆ ลดน้อยถอยลงถึงขั้นติดลบเอาง่ายๆ

ฉะนั้น เซ็งงานเมื่อไหร่ให้รีบบอกตัวเองว่า “ล้มไปก็เป็นทุกข์ ลุกขึ้นมาสู้ดีกว่า” แม้ต้องฮึดหนักหน่อย แต่ก็คุ้มค่า

บทความจาก นิตยสารผู้หญิง รายปักษ์  ที่มา : http://women.sanook.com