ReadyPlanet.com
dot
คลังข้อมูลนักบัญชี
dot
bulletมุมบัญชี
bulletสภาวิชาชีพบัญชี
bulletกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletธนาคารแห่งประเทศไทย
dot
ภาษี (Tax)
dot
bulletกรมสรรพากร
bulletสถานที่ตั้ง/เบอร์โทร สรรพากร
bulletประมวลรัษฎากร
bulletหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย
bulletDownload File บัญชี - ภาษี
dot
รวม Link เอนกประสงค์
dot
bulletอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารต่างๆ
bulletอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
bulletธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
bulletหน่วยบริการภาษีใน กทม.
bulletตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
bulletพจนานุกรมไทย
bulletDictionary อังกฤษ > ไทย
bulletเบอร์โทรศัพท์ - พกไว้คู่กาย
bulletรวมเบอร์โทรเรียก แท็กซี่
bulletชมคลิปวีดีโอ เมืองไทยในอดีต
dot
ค้นหาบทความในเว็บไซต์

dot
dot
บริการของเรา (Service)
dot


รับทำบัญชี



ดันมาตรฐานบัญชีไทยเทียบสากล สร้างหน้าตาตลาดทุนไทยไม่ขี้เหร่

 

 

                                  ดันมาตรฐานบัญชีไทยเทียบสากล สร้างหน้าตาตลาดทุนไทยไม่ขี้เหร่   

 

หมายเหตุ  - รายงานชิ้นนี้มาจากการบรรยายเกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรฐานบัญชีของไทย ตามมาตรฐานการรายงานการเงินสากล  โดย น.ส.แน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ และนางอุณากร พฤติธาดา  ผู้สอบบัญชีอนุญาตและหุ้นส่วนบริษัท   ไพร้ชวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2550

สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชินูปถัมป์อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงาน และคนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานทางการบัญชี 28 ฉบับ เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากล โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆคือ

กลุ่มแรก การปรับปรุงมาตรฐานบัญชีเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งคาดว่าจะปฏิบัติและมีผลบังคับใช้ในปี 2551

กลุ่มที่ 2 เป็นมาตรฐานทางบัญชีใหม่ที่จะนำมาบังคับใช้ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2552

กลุ่มที่ 3 เป็นมาตรฐานทางบัญชีเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2553

สำหรับการปรับปรุงมาตรฐานทางบัญชีกลุ่มแรก ในต่างประเทศจะมีการบังคับใช้แล้ว แต่จะใหม่สำหรับประเทศไทย ซึ่งบางเรื่องมีการบังคับใช้อยู่แล้ว แต่ปรับปรุงให้ชัดเจนขึ้น คือ การกำหนดให้กิจการจะต้องทำประมาณการ เกี่ยวกับพนักงาน(Employee benefits) เพราะพนักงานจะถือเป็นหนี้สินของกิจการ ซึ่งที่ผ่านมาจะให้ลงบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย เมื่อมีการเลิกจ้าง แต่ผู้อ่านงบการเงินจะไม่ทราบว่า บริษัทมีภาระเกี่ยวกับพนักงานมากน้อยเพียงใด ดังนั้นมาตรฐานใหม่จะกำหนดให้กิจการ ต้องทำประมาณการอัตราการลาออกของพนักงาน อัตราการเพิ่มของเงินเดือน และจัดกลุ่มพนักงานที่คาดว่าจะอยู่กับบริษัทไปจนจะเกษียณ แล้วคิดเป็นอัตราในแต่ละปี เพื่อตั้งสำรองหนี้สินส่วนที่จะเกิดขึ้น

"การทำประมาณการเกี่ยวกับพนักงานจะทำให้กิจการสะท้อนภาพที่แท้จริงได้มากขึ้น ซึ่งกิจการที่จะมีผลกระทบคือ กิจการที่มีพนักงานจำนวนมาก หรือกิจการที่มีพนักงานอายุต่ำ และจะต้องอยู่กับกิจการไปจนเกษียณ เช่น กิจการโทรคมนาคม"

การปรับเปลี่ยนเรื่องภาษีเงินได้รอตัดจ่าย (Deferred income tax) ซึ่งเป็นภาษีที่จ่ายล่วงหน้า เพราะการคำนวณภาษีระหว่างทางบัญชีและทางสรรพากรไม่ตรงกัน จึงทำให้มีภาษีที่ต้องจ่ายล่วงหน้า ซึ่งในทางบัญชีจะตัดเป็นรายจ่ายในบัญชีทันที แต่ทางภาษีจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีการชำระจริง จึงทำให้มีภาษีที่ต้องจ่ายล่วงหน้าในบัญชี  แต่นั่นจะลงในงบดุลเป็นสินทรัพย์ ซึ่งการปรับปรุงวิธีนี้จะเป็นผลดีต่อกิจการ เพราะจะทำให้สินทรัพย์เพิ่มขึ้น จากการลงเป็นภาษีเงินได้รอตัดจ่าย

นอกจากนั้น จะมีการกำหนดที่ชัดเจนในเรื่อง สินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ เพราะมาตรฐานบัญชีเดิมไม่ได้ระบุชัดเจนว่า อะไรบ้างที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น ค่าความนิยม ใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ และมาตรฐานบัญชีการลงเงินอุดหนุนจากรัฐบาล

กลุ่มที่ 2 จะเป็นมาตรฐานใหม่ ที่ไม่เคยบังคับใช้ในไทย เช่น การลงบันทึกอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน เพราะที่ผ่านมามีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แต่ไม่ได้แยกกลุ่ม เพราะจะลงเป็นสินทรัพย์เท่านั้น การจ่ายผลตอบแทนเป็นหุ้น เช่น โครงการที่จัดสรรหุ้นให้กับกรรมการและพนักงาน(ESOP) โดยต้องลงราคาในวันที่อนุมัติ ไม่ใช่วันใช้สิทธิ์ มาตรฐานบัญชีธุรกิจประกันภัย จะแยกออกมาต่างหากจากอดีตไม่เคยมีมาตรฐานบัญชี จะเป็นการปฏิบัติตามเกณฑ์การสำรองของกรมการประกันภัยเท่านั้น แต่มาตรฐานใหม่จะมีกรอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะการตั้งสำรองความเสียหายที่ต้องจ่าย เพราะธุรกิจประกันภัยควรมองความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น

นอกจากนั้นจะมีมาตรฐานกิจการสำรวจและประเมินค่าแหล่งแร่ ซึ่งจะกระทบไม่กี่บริษัท การจัดกลุ่มสินทรัพย์ที่รอการขาย ให้แยกออกมาให้ชัดเจนว่ามีอะไรบ้าง และการประเมินค่าปัจจุบันของธุรกิจการเกษตร เช่น มูลค่าต้นไม้ที่สูงขึ้นในแต่ละไตรมาส

"มาตรฐานการบัญชีใหม่จะถูกเปลี่ยนมาใช้มูลค่ายุติธรรม(Fair value) จากเดิมที่เคยใช้ราคาทุน ซึ่งจะทำให้เห็นผลสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้นของสินทรัพย์ที่มี ทำให้บัญชีงบการเงินของแต่ละบริษัท สามารถสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น เนื่องจากจะมีการวัดค่ามูลค่ารายการทางการเงิน ณ ขณะนั้นๆ ซึ่งจะใช้ข้อมูลที่ชัดเจนจากตลาด และมีผู้เชี่ยวชาญในการใช้วิธีการคำนวณดังกล่าวมาคำนวณให้ แต่จากการรับฟังความเห็น มีเสียงบ่นเข้ามากันมากว่า การคิดราคายุติธรรมจะขาดราคากลางอ้างอิงที่เป็นมาตรฐาน เพราะจะทำให้ผู้มาประเมินมองไม่เห็นว่าบางอย่างราคายุติธรรมควรเป็นเท่าใด"

กลุ่มสุดท้าย เป็นมาตรฐานทางบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาตรฐานบัญชี 4 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล การปรับโครงสร้างหนี้ และการลงทุนในเครื่องมือทางการใหม่ๆ มารวมกันเหลือ 3 ฉบับคือ IAS 32, IAS 39 และ IFRS 7 ซึ่งทั้ง 3 ฉบับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งบริษัทที่จะมีผลกระทบคือบริษัทที่มีสินทรัพย์ทางการเงินและหนี้สินทางการเงินจำนวนมาก ซึ่งก็คือสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทที่มีการลงทุนในเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ด้วย เพราะตามมาตรฐาน IAS 39 กำหนดให้มีการลงบันทึกตราสารอนุพันธ์และให้ลงราคายุติธรรมด้วย ซึ่งเป็นราคาตลาด

ดังนั้นบริษัทที่มีการใช้เครื่องป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ทั้งการซื้ออนุพันธ์ สว็อป กรณีป้องกันความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน IAS 39 ด้วย

มาตรฐานการบัญชีใหม่ ภายหลังจากการปรับปรุงและแก้ไขแล้ว จะช่วยให้นักลงทุนต่างประเทศมองตลาดทุนไทย มีความโปร่งใส และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่ต้องการจะเข้ามาลงทุนในไทย เนื่องจากเกณฑ์มาตรฐานดังกล่าวมีการใช้กันเป็นสากล และในต่างประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชีย ต่างก็ใช้กันแล้ว เช่นกรณีสหภาพยุโรป เริ่มใช้ปี 2548 แต่เตรียมการมา 5 ปี และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ ฮ่องกง และจีน ก็มีการปรับใช้เกณฑ์มาตรฐานใหม่ในปี 2549 แต่เตรียมการมานานแล้ว

ทั้งนี้ประเทศที่เตรียมจะมีเกณฑ์การใช้มาตรฐานทางบัญชีในเรื่อง IAS 39 ในปี 2553 พร้อมกับไทย คือ เกาหลี ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แต่เริ่มต้นธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทดลองใช้ระบบ AIS 39 กับธนาคารพาณิชย์ในการตั้งสำรองสินทรัพย์ต่างๆ แต่เมื่อประกาศมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ในปี 2553 ระบบธนาคารพาณิชย์จะต้องมาทำ มาตรฐานบัญชีของสภาพวิชาชีพบัญชี ซึ่งจะมีความซับซ้อนและเข้มงวดมากขึ้น

ดังนั้น ตราบใดที่ไทยยังต้องค้าขายกับชาวโลก เราจำเป็นต้องปรับมาตรฐานบัญชีให้เป็นมาตรฐานสากล โดยเฉพาะตลาดทุนไทย หากใช้มาตรฐานบัญชีไทยอาจถูกมองแบบมีส่วนลดในราคาหุ้น เพราะเขาไม่เข้าใจมาตรฐานบัญชีของไทย และหากผู้ประกอบการยังไม่พร้อมและไม่มีการปรับตัวตลาดทุนของไทย ก็อาจจะด้อยกว่าประเทศอื่นได้

ที่มา : มติชนรายวัน วันที่ 19 ตุลาคม 2550 




รวมบทความบัญชี

จ้างสำนักงานบัญชีทำบัญชี หรือทำบัญชีเองดี
นักบัญชี กับความนิยมเรียน "เอ็มบีเอ"
ลดภาระ เพิ่มประสิทธิภาพงาน ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางบัญชี
กรมสรรพากรเตือน ขอให้ผู้ทำบัญชีระมัดระวังในการจัดทำงบการเงิน
ทันสมัยในงานบัญชี !!!
ทัศนคติของ SMEs ที่มีต่อสำนักงานบัญชี
ปัญหาและทางออก กรณีนักบัญชี เปลี่ยนงานบ่อย
นักบัญชีมืออาชีพ (Professional Accountant)
การตรวจสอบและรับรองบัญชี
รายรับ-รายจ่าย ของธุรกิจ ต้องผ่านธนาคาร
สถานะทางการเงิน 10 ประการของธุรกิจ
ทำไมต้องรู้เรื่องบัญชี
ทำบัญชีรับจ่ายช่วยให้ครอบครัวเป็นสุข
สัญญาณเตือนภัยในงบการเงิน
Tax Knowledge : ขายสินค้าต่ำกว่าทุน
ข้อมูลบัญชีจำเป็นต่อเจ้าของกิจการอย่างไร
นักบัญชี..เพื่อนซี้..ยันป้าย
อาชีพอิสระนักบัญชี
มูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ของทรัพย์สิน
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ชนิดของบัญชีที่ต้องจัดทำตามกฎหมาย
รายจ่ายค่าสวัสดิการพนักงาน
รายจ่ายในการดำเนินกิจการ
การวางแผนภาษี เงินประกันและเงินมัดจำ สำหรับกิจการรับเหมาก่อสร้าง
เตือนผู้ทำบัญชี แจ้งการพัฒนาความรู้ต่อเนื่องทางวิชาชีพ
สภาวิชาชีพบัญชีค้านกฎหมายหุ้น ให้ผู้สอบบัญชีจับผิดผู้บริหารขี้โกง
อัตราค่าปรับในการยื่นภาษี
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีจ่ายรางวัล ส่วนลดหรือประโยชน์ใดๆจากการส่งเสริมการขาย
จรรยาบรรณของผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี
มาเตรียมตัวเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตกันเถอะ article
หลักการของพระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 article
การเรียนสาขาบัญชีในไทยเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด article