ReadyPlanet.com
dot
คลังข้อมูลนักบัญชี
dot
bulletมุมบัญชี
bulletสภาวิชาชีพบัญชี
bulletกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
bulletธนาคารแห่งประเทศไทย
dot
ภาษี (Tax)
dot
bulletกรมสรรพากร
bulletสถานที่ตั้ง/เบอร์โทร สรรพากร
bulletประมวลรัษฎากร
bulletหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย
bulletDownload File บัญชี - ภาษี
dot
รวม Link เอนกประสงค์
dot
bulletอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารต่างๆ
bulletอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์
bulletธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
bulletหน่วยบริการภาษีใน กทม.
bulletตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล
bulletพจนานุกรมไทย
bulletDictionary อังกฤษ > ไทย
bulletเบอร์โทรศัพท์ - พกไว้คู่กาย
bulletรวมเบอร์โทรเรียก แท็กซี่
bulletชมคลิปวีดีโอ เมืองไทยในอดีต
dot
ค้นหาบทความในเว็บไซต์

dot
dot
บริการของเรา (Service)
dot


รับทำบัญชี



ค่าชดเชย ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

 

                                                                     ค่าชดเชย ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน             

     

ปัญหาแรงงาน เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานในประเทศไทยเรา ปัจจุบันนายจ้างได้นำเอาสิ่งประดิษฐ์หรือเครื่องจักรกลมาใช้แทนแรงงานคนมากขึ้น อันมีผลกระทบต่อการจ้างแรงงาน กฎหมายจึงได้มีมาตรการควบคุมและให้ความเป็นธรรมต่อลูกจ้างซึ่งอาจถูกเลิกจ้างวันใดวันหนึ่งก็ได้ ในเบื้องต้นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า"ค่าชดเชย" และ"ค่าชดเชยพิเศษ"กันเสียก่อนนะครับ

"ค่าชดเชย" คือ เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง นอกเหนือจากเงินประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง

"ค่าชดเชยพิเศษ" คือ เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดลงเพราะมีเหตุกรณีพิเศษที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ดังนั้น หากนายจ้างเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย ดังนี้


1.ทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
2.ทำงานติดต่อกันครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
3.ทำงานติดต่อกันครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน
4.ทำงานติดต่อกันครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 240 วัน
5.ทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 300 วัน

แต่ลูกจ้างอย่าเพิ่งดีใจเกินไป มิใช่ว่าเมื่อนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างแล้วจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเสมอไปนะครับ มีข้อยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างในเหตุใดเหตุหนึ่ง คือ

1. ลูกจ้างสมัครใจลาออกจากงานเอง นั่นเท่ากับลูกจ้างเสียสิทธิที่จะได้รับค่าชดเชยไปเลย

2. ทุจริตต่อหน้าที่หรือเจตนาทำความผิดอาญาต่อนายจ้าง เช่นนี้ต้องไล่ออกและจับเข้าคุก

3. จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย

4. ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ถ้าความประมาทของลูกจ้างนั้นทำให้นายจ้างเสียหายเล็กน้อยไม่ร้ายแรง ก็ไม่เข้าข้อยกเว้นนี้

5. ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน หนังสือเตือนนั้นให้มีผลบังคับได้ไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลูกจ้างได้ทำผิด มิใช่นับแต่วันที่ลูกจ้างทราบหนังสือเตือนนะครับ

6. ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 3 วันทำงานติดต่อกัน ไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร

7. ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ในกรณีประมาทหรือลหุโทษหากนายจ้างเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย

8. การจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน และเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น สำหรับงานที่ต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี โดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทำสัญญาเป็นหนังสือไว้ตั้งแต่เมื่อเริ่มจ้าง และเป็นการจ้างงานใดงานหนึ่ง คือ การจ้างงานในโครงการเฉพาะที่มิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้าของนายจ้าง ซึ่งต้องมีระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของงานที่แน่นอน หรืองานอันมีลักษณะเป็นครั้งคราวที่มีกำหนดการสิ้นสุด หรือความสำเร็จของงาน หรืองานที่เป็นไปตามฤดูกาล และได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น

นายจ้างบางรายคิดว่าตนเองฉลาดกว่ากฎหมาย จึงได้พยายามหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย โดยใช้วิธีการจ้างลูกจ้างเป็นช่วงๆ ซึ่งในเรื่องการนับเวลาการทำงานเพื่อจ่ายค่าชดเชยนั้น การทำงานติดต่อกันหรือไม่ จะมีผลต่อจำนวนเงินค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ กฎหมายจึงได้แก้ลำนายจ้างเจ้าเล่ห์ที่คิดจะเอาเปรียบไว้ว่า การที่ลูกจ้างไม่ได้ทำงานติดต่อกันโดยนายจ้างมีเจตนาที่จะไม่ให้ลูกจ้างนั้นมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไม่ว่าจะให้ลูกจ้างทำงานในหน้าที่ใด การจ้างแต่ละช่วงห่างกันเท่าใดก็ตาม กฎหมายให้นับอายุการทำงานทุกช่วงเข้าด้วยกัน… ฯลฯ ทำเอานายจ้างเจ้าเล่ห์ถึงกับยิ้มไม่ได้ หัวร่อไม่ออกไปเลย

นอกเหนือจากค่าชดเชยปกติที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเมื่อถูกเลิกจ้างแล้ว กฎหมายคุ้มครองแรงงานยังได้กำหนดให้มีค่าชดเชยพิเศษไว้อีกด้วย ในกรณีต่อไปนี้

1. ถ้านายจ้างย้ายสถานประกอบกิจการไปตั้งท้องที่อื่นซึ่งมีผลกระทบต่อการดำรงชีพตามปกติของลูกจ้างหรือครอบครัว นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนย้าย ถ้าลูกจ้างไม่ประสงค์จะไปทำงานด้วย ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้างได้โดยได้รับค่าชดเชยพิเศษไม่น้อยกว่า 50 % ของอัตราค่าชดเชยปกติ ถ้านายจ้างไม่แจ้งให้ลูกจ้างทราบการย้ายสถานประกอบกิจการล่วงหน้า นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน

2. ถ้านายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตุปรับปรุงหน่วยงาน กระบวนการผลิต การจำหน่าย หรือการบริการอันเนื่องมาจากการนำเครื่องจักรมาใช้หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเหตุให้ต้องลดจำนวนลูกจ้างลง ให้นายจ้างแจ้งวันที่จะเลิกจ้าง เหตุผลของการเลิกจ้าง และรายชื่อลูกจ้างต่อลูกจ้างและพนักงานตรวจแรงงานทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วันก่อนวันที่จะเลิกจ้าง ถ้านายจ้างไม่แจ้งแก่ลูกจ้างที่จะเลิกจ้างทราบล่วงหน้า หรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่า 60 วัน นอกจากต้องจ่าค่าชดเชยปกติแล้ว นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 60 วัน

และในกรณีที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตุปรับปรุงหน่วยงานนี้นะครับ ถ้าลูกจ้างนั้นทำงานติดต่อกันเกิน 6 ปีขึ้นไป นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษเพิ่มขึ้นจากค่าชดเชยปกติ ไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 15 วันต่อการทำงานครบ 1 ปี แต่ค่าชดเชยพิเศษนี้รวมแล้วต้องไม่เกินค่าจ้างอัตราสุดท้าย 360 วัน

หวังว่าผู้อ่านคงจะได้เข้าใจในเรื่องของ "ค่าชดเชย" มากขึ้นแล้วนะครับ และกฎหมายคุ้มครองแรงงานนี้ เป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษทางอาญานะครับ หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ย่อมมีความผิดจะต้องถูกปรับ หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับเชียวนะครับ

ปัญหาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างสามารถแก้ไขได้ด้วยสันติวิธี หากแต่ละฝ่ายสำนึกได้ว่าต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน อย่าได้ลำพองว่าตนเองสำคัญกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายลูกจ้างควรจะสำนึกว่า หากไม่มีนายจ้างนำเงินจำนวนมากมาเสี่ยงลงทุนสร้างงาน ลูกจ้างต้องตกงาน ไม่มีรายได้ ครอบครัวเดือดร้อนแน่นอน ส่วนฝ่ายนายจ้างก็ต้องสำนึกด้วยเช่นกันว่า หากไม่มีลูกจ้างมาเป็นแรงงาน กิจการคงจะไม่สำเร็จก้าวหน้า อาจไม่ร่ำรวยได้จนทุกวันนี้ ฉะนั้น นายจ้างก็จงอย่าเอารัดเอาเปรียบลูกจ้างเกินไป และลูกจ้างเองก็อย่าเรียกร้องอะไรๆ ให้เกินสมควรนัก แล้วเราก็จะอยู่กันได้อย่างสงบสุข… จริงไหมครับ

  ค่าชดเชยการเลิกจ้างกับภาระภาษีอากร

  กฎหมายแรงงานที่ต้องรู้

  กฎหมายแรงงาน

บทความโดย : คุณพิทยา  ที่มา : http://www.geocities.com/ruammitra/index.html
 




รวมบทความกฎหมายน่ารู้

การทวงหนี้
กรรมการบริษัทต้องจ่ายเงินประกันสังคมหรือไม่
ไม้ตายจัดการเจ้าหนี้นอกระบบ
สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม
ค้ำประกันอย่างไร ไม่ให้เสียตังค์
ลิขสิทธิ์ Copyright Law
หมิ่นประมาท เหยียดหยาม
กฎหมายไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแพ่ง
คำแนะนำในการไปติดต่อที่สถานีตำรวจ
กฎหมายประกันสังคม
กฎหมายแรงงาน
มีไฟล์เพลงละเมิดลิขสิทธิ์ในเครื่องคอมฯ อย่างไร จึงไม่ผิดกฎหมาย
หมิ่นประมาท
กฎหมายแรงงานที่ต้องรู้
ทำอย่างไร..เมื่อได้รับ "หมายศาล"
ความยินยอมของคู่สมรส
เมื่อมีปืน แล้วต้องรู้จักคำว่า ป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ เป็นอย่างไร
ผู้ต้องหามีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นสอบสวน
อายุความบัตรเครดิต 2 ปี หมายความว่าอย่างไร
เรียกดอกเบี้ยเงินกู้เกินที่กฎหมายกำหนดย่อมตกเป็นโมฆะ
ทะเบียนสมรส ( บทความที่ 2)
หลักประกันตัวในคดีอาญา
ผู้ให้และผู้รับ
ทะเบียนสมรส ( บทความที่ 1)
ข้อควรปฎิบัติเมื่อถูกฟ้อง