บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
Pattanakit Accounting Tax & Training Co., Ltd.
59/275 ซอยสุวินทวงศ์ 44 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
โทรศัพท์ 0-2019-4656 , 0-2023-7182 , 084-1568284, 092-4634120, 098-2529544, Fax 0-2019-4659
Website :https://www.pattanakit.net / Email : pat@pattanakit.net
16 วิธีเสริมความแรงให้ PC
16 วิธีเสริมความแรงให้ PC 16 วิธีเสริมความแรงให้ PC
ถ้าเป้าหมายของคุณคือ ประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ บางทีวิธีที่ดีที่สุด และก็อาจเป็นวิธีที่ผู้คนนิยมใช้มากที่สุด ก็คือการซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ แต่ถ้าคุณไม่มีงบมากพอ หรือเพิ่งซื้อพีซีที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้มาได้ไม่นาน เราก็มีเทคนิคบางอย่างที่ช่วยนำความเร็วในการทำงานที่คุณต้องการมาให้กับคุณได้ ทริกบางอย่างก็ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แต่บางเทคนิคก็อาจเสียค่าใช้จ่ายบ้าง อย่างเช่น การอัพเกรดหน่วยความจำและฮาร์ดดิสก์ (แทนที่จะต้องอัพเกรดทั้งระบบ) ซึ่งเราจะแนะนำวิธีอัพเกรดอุปกรณ์เหล่านี้ ในแบบแสดงให้เห็นเป็นขั้นตอน และเผยข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเราพบผ่านการทดสอบของฝ่ายแล็บ ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร เราเชื่อว่าวิธีมากมายที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ จะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วให้กับพีซีของคุณได้ 2000 : XP
ถ้าคุณต้องการใช้ NTFS ในกรณีที่เป็นไดรฟ์ใหม่ คุณสามารถฟอร์แมตเป็น NTFS ได้ตั้งแต่ในขั้นตอนของการติดตั้งเลย แต่ถ้าเป็นไดรฟ์ที่ใช้อยู่ คุณสามารถใช้คำสั่ง Convert.exe เพื่อเปลี่ยนระบบไฟล์จาก FAT ไปเป็น NTFS ได้ โดยคำสั่ง Convert นั้น จะเป็นคำสั่งที่ทำงานในคอมมานด์พรอมต์ (Start / Programs / Accessories / Command Prompt) โดยรูปแบบของการออกคำสั่งจะเป็น CONVERT C: /FS:NTFS /V ซึ่งหมายถึงการแปลงไดรฟ์ C: ไปเป็น NTFS (ถ้าต้องการแปลงไดรฟ์อื่น ก็ให้เปลี่ยนไปเป็นตัวอักษรของไดรฟ์นั้น) หรือคุณอาจพิมพ์ Convert/? เพื่อเปิดดู help ของคำสั่งนี้ 2. เร่งความเร็วในการบูต วิธีที่ดียิ่งไปกว่านั้นก็คือ แทนที่คุณจะชัตดาวน์ระบบ ก็ให้เปลี่ยนไปเป็น Standby หรือ Hibernation (ในกรณีของโน้ตบุ๊ก) แทน ซึ่งจะช่วยให้คุณไม่เสียเวลาบูตระบบใหม่เมื่อต้องการทำงาน อย่างไรก็ดี สำหรับระบบที่เป็นวินโดวส์ 95, 98 และ Me แม้ว่าจะสามารถ Standby หรือ Hibernate ได้ แต่เนื่องจากระบบเหล่านี้จะลดความเสถียรลงเมื่อทำงานไปนานๆ คุณจึงจำเป็นต้องบูตเครื่องใหม่ทุกวัน เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น เทคนิคนี้จึงอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร 3. ใช้ฟังก์ชัน DMA กับดิสก์ของคุณ แม้ว่าฟังก์ชัน DMA จะสร้างอยู่ในดิสก์ไดรฟ์ แต่สิ่งที่จะกำหนดว่ามันจะถูกเรียกใช้ทำงานหรือไม่นั้น คือดิสก์คอนโทรลเลอร์ ซึ่งคุณสามารถเข้าไปตรวจดูได้ด้วยการคลิ้กที่ Start / Settings / Control Panel / System / Hardware / Device Manager ตามลำดับ (วินโดวส์บางเวอร์ชันอาจแตกต่างจากนี้ไปเล็กน้อย) จากนั้นดับเบิลคลิ้กที่คอนโทรลเลอร์ IDE ATA/ATAPI เพื่อเปิดมันขึ้นมา ตามด้วยการดับเบิลคลิ้กที่ Primary IDE Channel แล้วเลือกที่แท็บ Advanced Setting ถ้าคุณไม่พบแท็บ Advanced Setting มีความเป็นไปได้ว่าคอนโทรลเลอร์ของคุณไม่ได้ใช้งาน DMA ซึ่งในหลายกรณี อาจเป็นเพราะมี Intel Application Accelerator โหลดอยู่ ทำให้แท็บ Advanced Setting นี้หายไป ให้คุณลองเข้าไปที่ Control Panel / Add or Remove Programs เพื่อดูว่ามี Intel Application Accelerator อยู่หรือไม่ ถ้ามีให้ลอง Uninstall ออกไปก่อน (แต่คุณต้องแน่ใจว่าได้ดาวน์โหลด Intel Application Accelerator จาก www.intel.com มาสำรองไว้แล้ว) แล้วกลับไปตรวจดู DMA อีกครั้ง 4. เลือกการแสดงผลที่เหมาะสม และไม่ว่ามอนิเตอร์ของคุณจะเป็นแบบ CRT หรือ LCD การแสดงผลที่โหมดความละเอียดสูงๆ จะไม่ส่งผลดีสักเท่าไรนัก (เว้นแต่ว่าคุณมีความจำเป็นต้องการพื้นที่แสดงผลใหญ่ๆ เช่น ใช้แสดงสเปรดชีตขนาดใหญ่) โดยถ้าคุณใช้มอนิเตอร์ 17 นิ้ว การแสดงผลหน้าจอที่โหมดความละเอียดเกินกว่า 1,024 x 768 ขึ้นไป จะทำให้ได้กราฟิกและเท็กซ์ที่มีขนาดเล็ก จนบางครั้งคุณต้องเพ่งจนหน้าแทบจะติดจอ อีกทั้งยังทำให้ระบบของคุณต้องทำงานมากขึ้นตามไปด้วย 5. หมั่นอัพเกรดไฟล์ DirectX 6. จัดการกับการโหลดโปรแกรมที่ไม่ใช้แล้ว คุณสามารถใช้ยูทิลิตี้ตัวนี้กับวินโดวส์เวอร์ชันอื่นๆ ได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณอยากได้ตัวเลือกที่ดีกว่านั้น เราอยากแนะนำให้ลองดาวน์โหลดยูทิลิตี้ Startup Cop (ไฟล์ startcop.zip) จากเว็บไซต์ของเรา (www.pcmag.com) ไปลองใช้ดู 7. ติดตั้งวินโดวส์ใหม่ การ Uninstall อาจช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่เนื่องจากมันไม่ได้ย้ายทุกอย่างออกไปหมด ไดรเวอร์หรือโปรแกรมบางตัวยังคงถูกโหลดอยู่ ซึ่งการที่คุณจะมานั่งจัดการกับปัญหาเหล่านี้ทีละจุด ก็อาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ผิดกับการที่คุณแบ็กอัพข้อมูลสำคัญเอาไว้ แล้วติดตั้งระบบใหม่ ซึ่งจะทำให้คุณได้ระบบที่ใหม่เอี่ยมไร้ปัญหาในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง การติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่อาจฟังดูเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ถ้าคุณแบ็กอัพข้อมูลสำคัญไว้ทั้งหมด การติดตั้งใหม่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่าวิตกอย่างที่คุณคิด ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า คุณต้องไม่ลืมแบ็กอัพไฟล์ หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆ อย่างเช่น Favorites ของเว็บ, ชื่อและรหัสผ่านสำหรับล็อกเข้าระบบ หรือเข้าอินเทอร์เน็ต (รวมถึงหมายเลขในการติดต่อ) เอาไว้ ... 8. ออปติไมซ์สว็อปไฟล์ เริ่มจากคุณต้องไปยกเลิกการทำงานของสว็อปไฟล์เสียก่อน แล้วดีแฟรกดิสก์ใหม่ จากนั้นจึงค่อยกลับไปเรียกใช้การทำงานของสว็อปไฟล์อีกครั้ง ซึ่งการยกเลิกหรือเรียกใช้สว็อปไฟล์นั้น ทำได้ด้วยการคลิ้กที่ Start / Control Panel / System / Performance / Virtual Memory ตามลำดับ จากนั้นเลือกที่ "Let me specify my own virtual memory settings" แต่ถ้าเป็นในวินโดวส์ 2000 ให้คลิ้กที่ Start / Control Panel / System / Advanced / Performance / Virtual Memory (Change) ตามลำดับ ข้อมูลจากหลายกระแสเชื่อว่าการกำหนดขนาดของสว็อปไฟล์ตายตัว จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของสว็อปไฟล์สูงขึ้น ซึ่งไมโครซอฟท์ก็ไม่เห็นด้วยอีกเช่นเคย อย่างไรก็ดี ถ้าข้ามประเด็นนี้ไป แล้วพิจารณาถึงขนาดของสว็อปไฟล์ที่เหมาะสม แหล่งข้อมูลต่างๆ เหล่านั้นไม่เชื่อว่าการมีขนาดของสว็อปไฟล์ยิ่งมากจะยิ่งดี เพราะถ้าสว็อปไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป จะทำให้ระบบต้องเสียเวลานานขึ้น ในการค้นหาไฟล์ที่ต้องการ โดยขนาดของสว็อปไฟล์ที่เหมาะสม น่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เท่าของหน่วยความจำที่มีอยู่ในระบบ เช่น ถ้าเครื่องของคุณมีแรม 256 เมกะไบต์ คุณก็ควรกำหนดสว็อปไฟล์ไว้ 640 เมกะไบต์ 9. ล็อกเคอร์แนลของวินโดวส์ไว้ในแรม 98 : Me : 2000 : XP 10. เพิ่มความเร็วในการท่องอินเทอร์เน็ต สำหรับผู้ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ Dial-up คุณอาจไม่มีทางเลือกในการเพิ่มความเร็ว มากไปกว่าการกำหนดให้โมเด็มเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูงสุด ซึ่งก็ทำได้ด้วยการเข้าไปที่หน้าต่าง Properties ของโมเด็ม แล้วเลือกความเร็วในการเชื่อมต่อที่ 115,200 บิตต่อวินาที แต่ถ้าคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ DSL บรอดแบนด์ หรือเคเบิลโมเด็ม คุณสามารถรีดความเร็วในการเชื่อมต่อได้อีก ด้วยการปรับเวลาและขนาดของแพ็กเกต ซึ่งเว็บไซต์หลายๆ แห่ง (อย่างเช่น www.broadbandreports.com) สามารถช่วยคุณทดสอบความเร็วในการเชื่อมต่อ และแนะนำวิธีในการปรับแต่งให้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น (ว่าไปช้าหรือนิ่งอยู่ที่จุดไหน) ได้โดยใช้ยูทิลิตี้ Tracert.exe ซึ่งมีอยู่ในวินโดวส์ทุกเวอร์ชัน หรือถ้าต้องการการรายงานผลแบบที่ไม่ใช่ศัพท์เทคนิค คุณก็ต้องลงทุนหาซื้อซอฟต์แวร์อย่างเช่น VisualRoute มาใช้ แน่นอนว่าถ้าคุณยอมจ่ายเพิ่ม งานของคุณก็จะง่ายขึ้น เพราะในปัจจุบันนั้น มีซอฟต์แวร์ที่ช่วยออปติไมซ์การเชื่อมต่อให้กับคุณโดยอัตโนมัติวางขายอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Dr.Speed (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.aluriasoftware.com), Turbo Surfer (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.turbo-surfer.com) หรือ webRocker (ราคา 29.95 ดอลลาร์, www.ascentive.com) 11. เปลี่ยนมาใช้ยูเอสบี 2.0 เหตุเพราะยูเอสบีเวอร์ชันแรกนั้น มีทรูพุตสูงสุดเพียงแต่ 12 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว น้อยกว่าเวอร์ชันใหม่อย่างยูเอสบี 2.0 (มีทรูพุตสูงสุดที่ 480 เมกะบิตต่อวินาที) ถึง 40 เท่า ประกอบกับการที่ในปัจจุบันนั้น อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ล้วนแต่สนับสนุนยูเอสบี 2.0 ทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าคุณยังคงใช้อินเทอร์เฟซแบบยูเอสบี 1.1 อยู่ คุณก็จะทำงานได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็นถึง 40 เท่า แต่ถ้าคุณยอมลงทุนประมาณ 2,000 บาท เพื่อซื้ออะแดปเตอร์ยูเอสบี 2.0 (ซึ่งเป็นการ์ด PCI) มาใช้ คุณก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นชนิดสังเกตได้ 12. ลงทุนกับการซื้อหน่วยความจำเพิ่ม 13. ปรับแต่งไบออส การปรับแต่งไบออส สามารถช่วยให้คุณโอเวอร์คล็อกหน่วยความจำได้ (แต่ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่เหมือนกัน) หรือคุณอาจเปลี่ยนลาเทนซีของ CAS (Column Address Strobe) เช่น ลดจาก 3 รอบมาเป็น 2 รอบ ซึ่งก็จะอาจช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานของระบบคุณสูงขึ้นได้ (แต่ว่าจะไม่เห็นผลเท่าไรนัก ในการทำงานกับแอพพลิเคชันทางธุรกิจ) 14. เร่งความเร็วในการแสดงผล 15. เปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ 16. เลิกใช้ Dial-up ถ้าคุณต้องการเล่นเกมออนไลน์, อยากชนะการประมูลบนเว็บไซต์, ไม่อยากที่จะต้องหมุนโทรศัพท์ทุกครั้งที่จะรับ/ส่งอีเมล์ หรือต้องการท่องเว็บได้ในแบบทันใจ การเชื่อมต่อแบบ Dial-up ไม่น่าจะเหมาะสำหรับคุณแน่ ซึ่งทุกวันนี้คุณมีทางเลือกที่ดีกว่าด้วยการหันมาใช้การเชื่อมต่อแบบบรอดแบนด์ ไม่ว่าจะเป็น DSL (Digital Subscriber Line), เคเบิลโมเด็ม หรือการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียม อย่างไรก็ดี คุณเองอาจไม่ได้เป็นผู้เลือกทั้งหมด เพราะส่วนหนึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า พื้นที่ที่คุณอยู่นั้น มีบริการแบบไหนเปิดให้บริการบ้าง ... ที่มา : http://www.thaihomemaster.com |