

ปี 2555 ที่ผ่านมา มีนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยจากหลากหลายสถาบัน ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาสู่สายตาชาวโลกตลอดทั้งปี ดังนั้นทางเราจึงได้รวบรวม 5 สุดยอดนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีปี 2555 มาให้ได้ชมกัน
ในปีที่ผ่านมา วงการฟิสิกส์ทั่วโลกต้องตื่นตะลึง เมื่อองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป หรือ CERN ได้ออกมาแถลงข่าวการพบอนุภาคฮิกส์ หรืออนุภาคพระเจ้า ซึ่งเป็นผลมาจากที่นักวิจัยของ CERN ได้ทดลองยิงอนุภาคโปรตอนสองตัวเข้าหากัน ภายในเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ ที่อยู่ในอุโมงค์ใต้ดินของฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ โดยเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา CERN ประกาศว่า ทีมนักวิจัยได้ค้นพบอนุภาคซึ่งสอดคล้องกับอนุภาคฮิกส์มากที่สุดเป็นครั้งแรก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า อนุภาคดังกล่าวจะสามารถไขคำตอบการเกิดขึ้นของสรรพสิ่งต่างๆ ในจักรวาลได้
มาต่อกันที่วิทยาการด้านอวกาศกันบ้าง ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีทองปีหนึ่งของวงการดาราศาสตร์ก็ว่าได้ เริ่มจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา ที่ประสบความสำเร็จในการส่งยานสำรวจเคลื่อนที่ไปยังดาวอังคาร ภายใต้ชื่อโครงการคิวริออซิตี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยยานลำดังกล่าวเป็นยานแบบไร้คนขับ ที่ถูกติดตั้งโปรแกรมให้สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ซึ่งการค้นพบล่าสุด ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับใครหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นการสำรวจพบโมเลกุลชีวมวล จากตัวอย่างดินบนดาวอังคาร ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ระบุว่าดาวอังคารอาจเคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มาก่อน
กลับมาที่โลกเรากันบ้าง ในช่วงปีที่ผ่านมา มีการสร้างสถิติทางด้านวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก แต่ที่เด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการดิ่งพสุธาจากระดับชั้นสตาร์โตสเฟีย ของนายเฟลิกซ์ บอมการ์ดเนอร์ หนุ่มชาวออสเตรีย ภายใต้ชื่อโครงการ Red Bull Stratos ที่ได้รวมเหล่านักวิทยาศาสตร์หัวกะทิมาผลิตชุดนักบินอวกาศรูปแบบใหม่ ที่สามารถต้านแรงดันสูงอันเกิดจากการดิ่งลงมาจากชั้นบรรยากาศนอกโลก และบอลลูนฮีเลียม ที่ใช้ในการส่งนายบอมการ์ดเนอร์ขึ้นไปยังชั้นบรรยากาศดังกล่าว โดยการดิ่งพสุธาของนายบอมการ์ดเนอร์ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการดิ่งพสุธาที่มีความสูงที่สุดนับตั้งแต่ที่เคยมีมาแล้ว เขายังสามารถทุบสถิติการดิ่งพสุธาที่มีความเร็วสูงสุดนับตั้งแต่ที่มนุษย์เคยทำได้ นั่นคือ 1,342 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ มาร์ค 1.24 ซึ่งเป็นความเร็วเหนือเสียง เทียบเท่ากับความเร็วของเครื่องบินซุปเปอร์โซนิคเลยก็ว่าได้
ทางด้านฝั่งของอุตสาหกรรมไอทีเองก็มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่หลายชิ้นด้วยกัน แต่ที่เด่นที่สุดก็คือ Project Glass ของกูเกิล ที่เปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ในเทศกาล New York Fashion Week เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งโปรเจคดังกล่าวเป็นการผลิตแว่นตาอัจฉริยะ ที่ผู้สวมใส่สามารถสั่งการได้ด้วยม่านตาและเสียงของตน โดยแว่นตาดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับระบบ 3G หรือ 4G เพื่อป้อนข้อมูลต่างๆ ที่ผู้สวมใส่ได้เห็น เช่นการค้นหาเส้นทางผ่าน Google Map หรือการสอบถามสภาพอากาศและการจราจร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แว่นตา Project Glass ที่นำมาจัดแสดงในงาน New York Fashion Week นั้น ยังคงเป็นเพียงแว่นตาต้นแบบ ซึ่ง Google มีแผนที่จะผลิตและวางจำหน่ายแว่นตาอัจฉริยะดังกล่าวภายในปลายปีหน้า
ปิดท้ายกันด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีเครื่องรับโทรทัศน์ระบบ Ultra High Definition หรือ Ultra HD ซึ่งมีความละเอียดสูงกว่าระบบ HD ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันถึง 8 เท่า โดยระบบ Ultra HD ดังกล่าว ถูกพัฒนาขึ้นโดยสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของสถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่น และได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจากสหภาพโทรคมนาคมนานาชาติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทผู้ผลิตเครื่องรับโทรทัศน์สัญชาติญี่ปุ่นอย่างพานาโซนิค ก็ได้เปิดตัวเครื่องรับโทรทัศน์ระบบ Ultra HD ขนาด 145 นิ้วเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตสื่อโทรทัศน์และภาพยนตร์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีเพียงแค่สถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นเท่านั้น ที่ได้ทดลองออกอากาศรายการผ่านระบบ Ultra HD และทางผู้ผลิตทีวีอย่างพานาโซนิคเองก็ยังไม่ได้กำหนดวันที่จะวางจำหน่ายเครื่องรับโทรทัศน์แบบ Ultra HD แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางผู้พัฒนาสื่อโทรทัศน์หลายสำนักต่างออกมาบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เทคโนโลยีการส่งภาพระบบ Ultra HD จะมาทดแทนระบบ HD ในอนาคตอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ Voice TV ที่เอื้อเฟื้อ - 31 ธันวาคม 2555