บริษัท พัฒนกิจ บัญชี ภาษีและฝึกอบรม จำกัด
Pattanakit Accounting Tax & Training Co., Ltd.
59/275 ซอยสุวินทวงศ์ 44 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร 10530
โทรศัพท์ 0-2019-4656 , 0-2023-7182 , 084-1568284, 092-4634120, 098-2529544, Fax 0-2019-4659
Website :https://www.pattanakit.net / Email : pat@pattanakit.net
โรคเบื่องาน...ต้องแก้ที่ความคิด
โรคเบื่องาน...ต้องแก้ที่ความคิด
ท่านเคยมีอาการเช่นนี้หรือไม่ ...ตื่นเช้ามาอย่างหมดแรง หมดอาลัยตายอยาก ไม่คิดอยากเดินทางไปทำงาน หากส่อเค้ามีอาการดังกล่าว พึงระวัง! ท่านอาจกำลังป่วยเป็น “โรคเบื่องาน” เข้าให้แล้ว โรคเบื่องานเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ความเบื่อหน่ายจากลักษณะงาน อาทิ บทบาทงานที่ตนรับผิดชอบนั้นไม่ตรงกับความชอบ ความถนัด การได้ทำงานเดิม ๆ ซ้ำซากจำเจ ไม่ท้าทายความสามารถ หรือความเบื่อหน่ายที่เกิดจากสภาพแวดล้อมในการทำงาน อาทิ เบื่อระบบงานที่เชื่องช้าซ้ำซ้อนไร้ประสิทธิภาพ มีปัญหากับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานจนทำให้พาลเบื่องานไปด้วย
ผมพบว่ามีงานเขียนและบทความจำนวนมากที่ได้กล่าวถึง วิธีการ (How to) ต่าง ๆ เพื่อ รักษาอาการของโรคเบื่องานที่เกิดขึ้น ซึ่งโดยมากมักจะเน้นไปแก้ไขในด้านของ “อารมณ์ความรู้สึก” เป็น หลัก เช่น แก้เบื่อด้วยการหาเวลาพูดคุย เที่ยวเตร่ สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ในที่ทำงานและหลังเลิกงาน หรือไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดในวันหยุดสุดสัปดาห์..การตกแต่งโต๊ะทำงานใหม่ให้แปลกตา...หารูปแบบการแต่งกายใหม่ ๆ ที่สวยงามไม่ซ้ำซากจำเจ.. ฯลฯ โดยเชื่อว่าการสร้างสีสันในชีวิตเช่นนี้จะสามารถลบล้างอาการ เบื่องานได้ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วการแก้ไขด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นเพียงการเยียวยาเฉพาะเปลือกนอกที่สร้างความตื่นเต้นแปลกใหม่ให้กับชีวิตโดยการพยายามปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมรอบตัวให้ พ้นจากความจำเจเดิม ซึ่งอาจช่วยให้อาการเบื่องานทุเลาลงไปได้บ้างแต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะอีกไม่นานสภาวะใหม่ที่สร้างขึ้นในปัจจุบันย่อมจะกลายเป็นสภาพแห่งความเบื่อหน่ายซ้ำซากจำเจในอนาคต ดังนั้นในสภาพความเบื่อหน่ายอย่างถึงที่สุดนี้ หากลองฮึดสู้สักตั้งก่อนที่จะหนีไปจากมันโดยการปรับทัศนคติ มุมมอง ความคิดของเราให้ตอบสนองได้อย่างถูกต้องกับสภาพปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เราจะเห็นถึงมิติใหม่ในการทำงานและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เกิดขึ้นได้แน่นอน ผมเชื่อว่า "การคิด" (thinking) เป็นตัวกำหนดสิ่งที่เรารู้ (knowing) ความรู้ที่เราได้จากการคิดนั้นจะเป็นตัวกำหนดความเป็นตัวเรา (being) เราคิดอย่างไร เรารู้อะไร เราจะเป็นเช่นนั้น และความเป็นตัวเราจะเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา (living) ซึ่งจะทำให้เราแสดงออก (manifesting) ทั้งคำพูดและการกระทำ โดยอาจถ่ายทอดเป็นการเขียน (writing) การพูด (speaking) การกระทำ(doing) และการแสดงอากัปกิริยาต่าง ๆ (behaving) ดังที่ผมได้เขียนไว้ในหนังสือลายแทงนักคิดถึงกระบวนการกำหนดการแสดงออกของมนุษย์ (HumanManifesting Process) (การคิด) ( การรู้) (ความเป็นเรา) (วิถีชีวิต) (การแสดงออก) etc. Writing Speaking (การเขียน) (การพูด)
ตัวอย่างเช่น หากเรามีทัศนคติมุมมองเชิงลบต่อ “การทำงาน”รู้สึกว่างานที่ตนได้รับมอบหมายเป็นงานที่ต่ำต้อย เราย่อมไม่เห็นคุณค่าในงานที่กำลังทำอยู่ และเกิดความเบื่อหน่ายต่องานนั้น ๆ ตามมา โดยอาจแสดงออกด้วยการมาทำงานสายเป็นประจำ การไม่รับผิดชอบงานนั้น ๆ อย่างดีที่สุด ปล่อยเวลาให้หมดไปวัน ๆ เพียงเพื่อแลกกับเงินค่าจ้าง หรือ การพยายามหางานหรือเปลี่ยนงานใหม่ด้วยการลาออกจากที่ทำงานเดิม เป็นต้น ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือการเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของ เจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ส่งผลให้พลาดโอกาสที่จะเจริญเติบโตในหน้าที่การงานในท้ายที่สุด ในทางตรงกันข้าม หากเรามีทัศนคติมุมมองเชิงบวกต่องานที่ทำตระหนักว่างานทุกประเภทเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เป็นโอกาสพิเศษที่เราจะได้เรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาตนเอง เราย่อมเต็มใจยินดีที่จะทำงานนั้นอย่างเต็มที่ ไม่มีความเบื่อหน่าย ผืนทน จำใจ จำเจต่องานที่ทำ แต่จะทำงานนั้นอย่างมีความสุขและพยายามทำงานนั้นให้ออกมาอย่างดีที่สุด แม้อาจต้องพบกับอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ อาทิ ปัญหาจากเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน แต่จะสามารถเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ เหล่านั้นได้อย่างมีชัยชนะไม่หนีปัญหาเนื่องจาก มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการทำงานและเห็นคุณค่าของงานที่ทำอยู่ ผลที่เกิดขึ้นตามมาคือเราจะกลายเป็นคนที่มีความสุขในการทำงาน เรียนรู้ที่จะเป็นคนหนักเอาเบาสู้ ได้รับการฝึกฝนและพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ รวมทั้งทักษะในการแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญในทุกรูปแบบ อันเป็นการวางรากฐานสำคัญให้กับการทำงานในระดับสูงต่อไป ในความเป็นจริง ไม่ว่าเราทำงานในองค์กรใด ย่อมประสบปัญหาที่ไม่แตกต่างกันมากนักถึงแม้เราจะไม่เห็นด้วยกับปัญหาดังกล่าว แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีทางแก้ไข ก่อนตัดสินใจลาออกหรือเปลี่ยนงานเราพึงบอกกับตนเองให้ได้ก่อนว่าได้พยายามปรับตัวอย่างถึงที่สุดแล้วในทุกด้าน หากพยายามแล้วไม่เห็นแนวโน้มว่าสิ่งรอบตัวของเรามีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ถึงเวลานั้นให้การตัดสินใจเปลี่ยนงานเป็นทางเลือกสุดท้ายของเรา แต่หากเรายังไม่ได้พยายามอย่างถึงที่สุดในการเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ เราควรปรับเปลี่ยนที่ทัศนคติ มุมมองความคิด และพยายามหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการทำงานท่ามกลางปัญหาหรือความเบื่อหน่ายที่เราประสบอยู่ได้อย่างสัมฤทธิ์ผล อาทิ การมีมุมมองความคิดแง่บวกต่อการทำงาน การสำรวจตนเองเพื่อลดจุดอ่อนและพัฒนาจุดแข็ง การมีวิสัยทัศน์มุ่งเป้าหมายไม่ ท้อถอยต่อปัญหาที่กำลังเผชิญ โรคเบื่องานในชีวิตของเราจะรักษาให้หายได้หรือไม่? ขึ้นอยู่มุมมองความคิดและทัศนคติในการทำงานของเราเอง เราให้นิยามการทำงานอย่างไร ชีวิตเราก็จะเป็นอย่างนั้น หากเราคิดว่าการทำงานเป็นสิ่งที่ดี ชีวิตเราก็จะมีความสุข แต่ถ้าเราคิดตรงกันข้าม เราจะจมกับความทุกข์ความเบื่อหน่ายกับงานไปตลอดชีวิต ทำอย่างไร เมื่อคุณไม่มีความสุขในการทำงาน 9 วิธี ทำงานกับ"คนที่ไม่ชอบหน้า"
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามนิวส์ วันที่ 16 พฤษภาคม 2550 |