สน.ประเวศ จับกุม 2 หนุ่มแก๊งโกงเงินผ่านทางระบบอีแบงก์กิ้ง (E-Banking) หลังพบผู้เสียหายเขาร้องทุกข์เงินหายไปจากบัญชี เร่งขยายผลหาหัวหน้าขบวนการพร้อมเตรียม
หารือธนาคารต่างๆ เพื่อหามาตรการป้องกัน...

   เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2556 พลตำรวจตรีฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุม นายจิระพันธ์ อาภรศรี อายุ 18 ปี และ นายสุเทพ เวินขุนทดอายุ 19 ปี หลังมีผู้เสียหาย เดินทางเขาร้องทุกข์ที่ สน.ประเวศ ว่า ถูกลักเงินฝากจากบัญชีเป็นเงินกว่า 1 ล้าน 8 แสนบาท จากการสอบสวนของตำรวจ พบว่า เงินของผู้เสียหายที่สูญหายไป มีการโอนไปยังบัญชีของบุคคลอื่น โดยวิธีการโอนเงินทางอินเทอร์เน็ตหรือ อีแบงก์กิ้ง โดยคนร้ายได้ใช้ สำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย ไปเปิดซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้รับรหัสยืนยันการทำธุรกรรม ที่จะส่งเขามายังหมายเลขโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้กับธนาคาร นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ต้องหาได้เปิดบัญชีธนาคาร กับธนาคารกสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงเทพ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และได้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ตนเองเปิดเบอร์ใหม่ โดยใช้ชื่อของผู้เสียหาย เพื่อทำการโอนเงินผ่านระบบ และใช้บัตรเอทีเอ็ม กดเงินสดออกจากบัญชี

   ทั้งนี้ จากการประสานงานกับดีเอสไอ ยังทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ได้ก่อเหตุในหลายพื้นที่ และมีผู้เสียหายหลายราย โดยมีการแบ่งการทำงานกันอย่างชัดเจน ทั้งการจัดหาข้อมูลของผู้เสียหาย หมายเลขบัญชีธนาคาร และสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยจะนิยมเลือกว่าจ้างกลุ่มเด็กวัยรุ่น เป็นคนเปิดบัญชีธนาคาร โดยผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ค่าเปิดบัญชีคนละ 1,000 บาท ซึ่งหลังจากนี้ ตำรวจจะสืบสวนขยายผล และติดตามจับกุม นายเอก นามสมมติ ซึ่งเป็นคนกลางติดต่อประสานงานในขบวนการนี้ต่อไป

   นายสมชนะ ศุภวัตรวรคุณ อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักธุรกิจขายหอมกระเทียมในตลาดไท เปิดเผยว่า ตนถูกกลุ่มคนร้ายโอนเงินออกจากบัญชี ภายในระยะเวลาไม่ถึง 20 นาที โดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ปกติใช้อีแบงก์กิ้งมาตลอดเกือบ 20 ปี แต่ไม่เคยมีปัญหา นอกจากนี้ตนไม่ทราบว่าคนร้ายนำบัตรประชาชนของตนเองมาได้อย่างไร แต่จากลักษณะของสำเนาบัตรประชาชนเชื่อว่าไม่ใช่ของตนเอง โดยหลังจากนี้จะพูดคุยกับทนายความว่าจะเรียกร้องค่าเสียหายกับธนาคารและเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่างไร

   เจ้าหน้าที่ตำรวจยังให้ข้อมูลถึงจุดสังเกตว่า อาจถูกกลุ่มมิจฉาชีพดำเนินการลักษณะดังกล่าวคือ การที่โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ เพราะถูกกลุ่มคนร้ายไปเปิดเบอร์ใหม่ ทำให้เบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหายถูกระงับการใช้ในทันที ซึ่งเป็นวิธีการใหม่ แต่เป็นขบวนการเดิม ที่เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และคนร้ายจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ในการโอนเงิน หลังเปิดใช้ซิมการ์ดใหม่

   อย่างไรก็ตาม พลตำรวจตรีฐิติราช ระบุว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ดังนั้นหลังจากนี้อาจจะต้องมีการเรียกตัวแทนจากธนาคารเข้ามาหารือเพื่อ หาแนวทางป้องกันเหตุต่อไป

ที่มา : คลิปข่าวจากรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 / เนื้อข่าวจาก นสพ. ไทยรัฐ  - 17 ตุลาคม 2556

      ภัย ! Internet Banking สวมรอยแล้วโอนเงิน